6.30.2013

[REVIEW] ดัดผม ธรรมด๊า ธรรมดา ออกมาก็สวยนะ :D

สวัสดีค่ะ หลังจากหายไปซะน๊านนนานนนน วันนี้กลับมารีวิวแล้ววว ขอกลับมาด้วยผมทรงใหม่เลยค่ะ ถ้าใครที่ติดตามในเพจ Get The Look by PP จะเห็นว่าอุ๋มพึ่งดัดผมมา !!! จริงๆ ดัดมาหลายรอบแล้วล่ะ แต่ครั้งนี้พอใจฝุดดๆๆ ขอเริ่มเล่าเลยแล้วกันนะคะ

*สภาพผมหลังดัดมาได้ 2 วันค่ะ*


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า อุ๋มเป็นคนที่ผมตรงมากกกๆๆๆ ผมเส้นเล็กมากๆๆๆๆ ดังนั้นไม่ว่าจะดัดครั้งไหนๆ ก็มักจะอยู่ได้แป๊บเดียว โดยส่วนมากเป็นการเสียกะตังค์ โดยใช่เหตุ !! นี่เลย เวลาสระผมแล้วผมจะเป็นแบบนี้ คือตรงแบบสุดๆ ทิ้งตัวสุดๆ แต่ผมเสียจากการทำสี และการใช้ความร้อนนะคะ ก็มีการบำรุงบ้างประปราย ส่วนมากจะลืมมม !!

 

แต่ด้วยความชอบบบบบ จึงชอบทำผมหยิกหงิกงอ ดังภาพ ด้วยเครื่องม้วนไฟฟ้า อย่างเช่น Le'Sasha ค่ะ ตัวที่อุ๋มใช้ตลอดคือตัวแกน 32mm อันที่ใหญ่สุดๆ นั่นละค่ะ แล้วก็ฉีดสเปรย์ให้อยู่ แต่โดยส่วนมากแล้ว  "ไม่อยู่" เพราะว่าผมไม่มีเชื้อดัด อุ๋มเลยตัดสินใจไปดัดซะ !!



ไปร้านทำผมธรรมดาๆๆๆ เลยค่ะ จริงๆ แล้วไม่มีความรู้เลยนะคะ รู้แค่ว่าดัดแบบที่เค้าเรียกว่า Digital อะไรนี่แพงมากกก เลยขอดัดแบบธรรมดาๆ ละกัน เวอร์ชั่นดั้งเดิม เลย แบบที่ใช้แกนเล็ก แกนน้อยม้วน นั่นละค่ะ คราวนี้ใช้น้ำยาของชิเซโด้ น้ำยาไม่เหม็นเลยยย ถูกใจๆๆๆๆ

ร้านที่อุ๋มไปทำ อยู่ในโรงพยาบาล เซ็นทรัลเจเนอรัล แถวสะพานใหม่ ชื่อร้าน Muses ค่ะ ด้วยความธรรมดา ราคาจึงธรรมดา !!!!! ตอนแรกคิดว่าจะโดนหลายๆๆ พัน เพราะว่าผมอุ๋มยาวมาก แต่สิริรวมราคา 1000 บาท เท่านั้นค่าาา!!!!!!! ช๊อค!!! ถ้าทำในเมืองผมขนาดนี้อุ๋มว่ามีจนค่ะ ถูกและเริ่ด!! 

  

หลังจากเวลาผ่านไป 3 ชม. เต็มๆ ทั้งดัด โกรก เซ็ททททท ตื่นอนขึ้นมาผมสวยเลยค่าาาา ตอนทำอยู่นี่หลับจริงๆ เพราะร้านรู้จักกัน เลยขอนนอนหน่อย ฮ่าๆๆ ><" หลับไปจนเค้าเริ่มไดร์ผมนั่นแหละ เลยตื่นน เซ็ทออกมาสวยมากก สวยระทึกกกเลย !!!! ควักกระเป๋าจ่ายค่าดัด และทิปๆๆๆ ทันที เพราะชอบค่ะ !!!


อันนี้คือกลับมาบ้านแล้ว ผมยังจ๋วยอยู่ ขอลงรูปเยอะๆ เพราะ ฟิน !!

 

ผ่านไป 1 คืนน ถึงขั้นไม่ยอมสระผม เพราะต้องไปงาน ก็ยังพอไปรอดอยู่ค่ะ ยังดูเป็นทรงอยู่ เพราะว่าเค้าเซ็ทมาสวย เลยไม่กล้าสระ กลัวทำเองแล้วไม่รอดดด แต่ตกดึก หัวมันย่องนะจ้ะ !!


แต่สุดท้ายก็ต้องยอมสระ !!!! มาดูสภาพลูกหมาหัวหยิกกก ตกน้ำกัน


วิธีเซ็ตผมของอุ๋มนะค่ะ หลังจากดัดมาแล้ว เวลาสระผมหัวจะออกมาหงิกๆ งอๆ ดังภาพ ก่อนอื่นก็เช็ดผมให้หมาดๆ ที่สุดค่ะ หลังจากนั้นอุ๋มจะใช้ไดร์เป่า และใช้แปรงตักผมให้ผมคลายตัวไม่หงิกขนาดนี้ แต่ไม่ถึงกับไดร์ตรงนะคะ แล้วพอใกล้ๆ แห้ง ก็ใส่โรลม้วนผมโลดดดดดดดด

 

 ใส่ไปเลยจนผมแห้ง แล้วพอแต่งหน้าเสร็จค่อยถอดโรลม้วนผมค่ะ หรือก่อนออกจากบ้านก็ได้ แต่โดยส่วนมากแล้ว อุ๋มจะใช้เครื่องม้วนไฟฟ้าหรือเลอซาช่าช่วย เพราะว่าเร็วกว่า แต่ผมก็เสียมากกว่า ถ้ามีเวลาเยอะหน่อยแนะนำเป็นตัวโรลม้วนผมค่ะ 


ส่วน Lesasha ตัวที่อุ๋มใช้ คือตัวแกน 32 mm ไอ่อันใหญ่สุดๆ ของเค้านั่นละ ม้วนออกจากตัว สลับลอนม้วนเข้า  จะได้ผมฟูๆ ออกมา กะว่าจะทำฮาวทูเร็วๆๆๆ นี้ แต่ว่าแค่ม้วนเองลำพังยังยาก เลยไม่กล้าสอนคนอื่นอ่ะสิ !!! 



อันนี้เป็นวิธีคร่าวๆ นะคะ ก่อนม้วนฉีดสเปร์ให้ทั่วทั้งหัวก่อนเพื่อเป็นการเซทติ้งค่ะ แล้วก็ละเลงง เลอซาช่าเลย โดยการแบ่งผมออกเป็นช่อๆ เก็บส่วนด้านบนไว้ก่อน เริ่มม้วนไปจากด้านล่าง ทำแรกๆ ก็มีสับสนบ้าง ม้วนแล้ว ม้วนอีก ม้วนเข้า ม้วนออก ผสมๆ กันไป มั่วๆ ก็ออกมาสวยได้นะ แต่บางทีก็ออกมาทุเรศ ฮ่าๆๆๆ อันนี้ใช้ทำบ่อยๆ เอา ผิดๆ ถูกๆ เดี๋ยวออกมาดีเอง

ส่วนผมด้านบนอุ๋มใส่โรลม้วนผมทิ้งไว้ค่ะ ปล่อยออกมาก็พร้อมออกจากบ้านได้เลย แต่ถ้าผมไม่มีเชื้อดัดเลย ม้วนยังไงก็อยู่ได้แปร๊บบบเดียวนะคะ ><

 

แต่ถ้าดัดแล้ว !! ไม่ต้องห่วงเรื่องผมคลายแล้ว !! อยู่ไปเลยหยิกทั้งวันน 
ออกจากบ้านตั้งแต่ 10 โมง รูปซ้ายย 
รูปขวา ตอนเที่ยงคืน ยังพริ้วอยู่ค่ะ เริ่ดเฟ่อร์ ดาวคอนเฟิร์ม !!


ฮ่าๆๆๆ จบค่ะ จบๆๆ รูปมาพรึ่บบบบ ยังไงก็อย่าลืมคิดถึงกันบ้างนะคะ แม้จะอัพบ้างไม่อัพบ้างก็เถอะ แต่ช่วงนี้อุ๋มจะมาอัพรัววๆๆๆๆๆ อย่าเบื่อกันซะก่อนละ !



ก่อนไป ฝาก IG อุ๋มด้วยย คลิก PannitaP มา Follow กันได้นะคะ :D จุ๊บๆๆๆ
ช่วงนี้ฝนตกบ่อย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ <3 เยิ๊ฟๆๆ



6.06.2013

[Review] วิตามินจาก Vistra ที่อุ๋มทานค่ะ


สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล๊อกของอุ๋มค่ะทุกคน 

อย่างที่เคยสัญญากันไว้ในเพจของอุ๋มว่า อุ๋มจะอัพถึงวิตามินที่อุ๋มทานในช่วงลดน้ำหนัก เนื่องจากก่อนหน้านี้อุ๋มหักโหมลด นน. เป็นอย่างมากทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง  และเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขับถ่าย ผิวพรรณ ฯลฯ ที่แย่ลง เลยต้องหันมาดูแลตัวเองกันยกใหญ่ค่ะ แต่อุ๋มก็ไม่ได้หมายความว่าอุ๋มทานวิตามินเหล่านี้แทนข้าวหรืออาหารนะคะ ข้าวและอาหารก็ยังสำคัญต่อระบบการทำงานของร่างกายอยู่ดี อุ๋มแค่ใช้วิตามินเหล่านี้มา "เสริม" เท่านั้นค่ะ และอาหารก็ยังจำเป็นต้องทานครบ 5 หมู่ด้วยน๊า :)


ทั้งหมดนี่เป็น วิตามิน จาก แบรนด์ที่มีชื่อว่า Vistra ค่ะ สามารถหาซื้อได้ง่าย ที่ Watsons มีครบทุกตัวเลย และสำหรับใครที่สนใจอยากหาข้อมูลเพิ่มเติม หรืออยากทราบว่า ตัวไหนเหมาะกับเรา ตัวไหนใช้แก้ไข หรือเพิ่มเติมจุดใด ลองเข้าไปอ่านได้ใน เว็บไซต์ ของทาง Vistra เลยนะคะ

ก่อนอื่นต้องขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าตั้งแต่ลดนน.มา ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ

- ระบบขับถ่ายทำงานไม่เป็นปรกติ
- ป่วยง่ายขึ้น ภูมิแพ้ที่เป็นอยู่ก็หนักกว่าเดิม
- ผิวพรรณ ไม่ค่อยดี เนื่องมากจากไม่ขับถ่าย
- สิวมีมาบุกบ้าง

ฯลฯ ประมาณนี้ค่ะ

เพื่อนๆ สามารถดูรูปแบบวิดีโอได้ด้านล่างนี้นะคะ



หรือถ้าอยากอ่านรายละเอียด ก็ค่อยๆ เลื่อนตามมาเลยค่ะ



DT Daily Fiber 7000 mg
1 กล่อง มี 10 ซอง ราคากล่องละ 195 บาท ค่ะ

วิธีรับประทาน :  1 ซอง ละลายน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็น คนให้เข้ากันแอบละลายยากนิดนึง ต้องคนซักพักนึงถึงจะละลาย ดื่มวันละ 1-3 ซอง ก่อนอาหาร

รสชาติ : จืดๆ แต่ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ดื่มแล้วสดชื่นดี เหมือนทานน้ำคลอโรฟิลล์ที่ไม่หวานค่ะ "กินง่ายสุดดๆๆๆ"

ประโยชน์ :
  1. ช่วยให้อิ่มเร็วและนานขึ้น
  2. ควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ป้องกันอาการท้องผูกและริดสีดวงรวมถึงปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
  4. ป้องกันการเกิดภาวะไส้ติ่งอักเสบจากการติดเชื้อจากแบคทีเรีย
  5. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้
  6. ลดและควบคุมระดับโคเลสเตอรอล
  7. ส่งเสริมภูมิคุ้มกันและสุขภาพลำไส้
  8. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในภาวะที่ปกติ


ความเห็นส่วนตัวหลังจากดื่มมา 1 กล่อง

ระบบขับถ่ายอุ๋มทำงานเป็นปกติ มากขึ้น แต่ไม่ได้กินน้อยลงหรือรู้สึกอิ่มเร็วแต่อย่างไร ฮ่าๆ 
อาจจะเพราะเป็นพวกตะกละไง - - แต่ว่าน่าจะมีส่วนช่วยทำให้ทานได้น้อยลง เนื่องจากว่าก่อนทานเราต้องดื่มเจ้านี่เข้าไป 1 แก้ว น้ำก็เข้าไปเต็มกระเพาะพอดี :D ส่งผลให้กระเพาะมีพื้นที่น้อยลงนิดนึง 
อันนี้อาจจะเกี่ยวค่ะ ส่วนในเรื่องของประโยชน์อื่นๆ บอกไม่ได้ง่ะ แค่ท้องไม่ผูกก็ดีใจแล้ว <3


** ซื้อกล่องต่อไปชัวววค่ะ **


Soluble Fiber 1000 mg
1 ขวด มี 60 เม็ด ราคาขวดละ 450 บาท ค่ะ 
แต่ส่วนมากจะถูกกว่านี้นะแล้วแต่โปรโมชั่น

ส่วนประกอบสำคัญ
Acacia Gum อคาเซีย กัม     1111.11 มก.
(ให้ใยอาหารชนิดละลายน้ำ Soluble fiber 1000 mg.)

วิธีรับประทาน
รับประทานวันละ 1-4 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร

ขนาดของเม็ด ใหญ่เท่าวิตามินปกติ ทานทีละ 4 เม็ดมีติดคอ T-T

ประโยชน์
ช่่วยเพิ่มกากใย ช่วยในการขับถ่ายให้ปกติ


ความเห็นส่วนตัวหลังจากทานมาประมาณ 1 สัปดาห์

หลังจากตัว DT Daily Fiber หมด อุ๋มก็หันมาทานตัวนี้ตัวเดียว สรุปว่า เวิร์คค่าาาา ขับถ่ายกำลังดีเลย อย่างน้อยวันละครั้ง ค่ะ อุ๋มทานวันละ 4 เม็ด มากสุดตามที่เค้าบอกไว้เลย ตอนนี้ก็ถ่ายได้ดีแม้ทานอาหารน้อยค่ะ :)

เพิ่มเติมจากเว็บไซต์ :D

DT Daily Fiber 7000 VS. Soluble Fiber 1000 mg

DT Daily Fiber 7000 เหมาะกับคนท้องผูก
Soluble Fiber 1000 mg เหมาะกับคนที่ท้องเสียบ่อยๆ 



Collagen Peptide 4000 mg รสส้ม
1 ซองใหญ่ มี 5 ซองเล็ก ราคา 205 บาท ค่ะ 
แต่ส่วนมากจะถูกกว่านี้นะคะ แล้วแต่โปรโมชั่น

วิธีรับประทาน :  1 ซอง ละลายน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็น คนให้เข้ากันแอบละลายยากนิดนึง ต้องคนซักพักนึงถึงจะละลาย ดื่มวันละ 1 ซอง ตอนท้องว่าง 

ประโยชน์ของคอลลาเจน*
   
         บำรุงผิวขาวใส ลดริ้วรอยร่องลึก เสริมสร้างกระดูกข้อต่อ ลดอาการปวดข้อรูมาตอยด์ บำรุงผม ผิว เล็บ แข็งแรงสวย สุขภาพดี

ประโยชน์ของวิตามินซี**
  1. ช่วยป้องกันและรักษาเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ลดรอยหมองคล้ำ ฝ้า กระ รอยด่างดำตามร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณสว่างสดใสได้ต่อเนื่องยาวนาน
  2. ช่วยลดการติดเชื้อหวัด ช่วยต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย จากการศึกษาพบว่าผู้ที่ได้รับวิตามินซีเป็นประจำจะเป็นหวัดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับ
  3. ช่วยลดการแพ้ต่างๆรวมทั้งโรคภูมิแพ้ โดยยับยั้งสาร ฮีสตามิน ซึ่งร่างกายสร้างขึ้นมา หากมากเกินไปจะทำมีอาการระคายเคืองตามระบบหายใจ ทำให้จามและมีน้ำมูกไหล
  4. เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลายและช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้เสื่อมตัวเร็ว ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆ
  5. ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนจำเป็นสำหรับเนื้อเยื่อที่ผิวหนัง จึงทำให้ผิวกระชับ ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

*,** อ้างอิงจากแผ่นพับค่ะ


ความเห็นส่วนตัวหลังจากดื่มมา 10 ซอง

ก่อนอื่นต้องบอกว่าอร่อยมาก ชอบรสส้ม >< แต่ไม่เคยทานคอลลาเจนมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าเอฟเฟคที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราคืออะไร ก็ลองมาศึกษาดูว่า แบบชงๆ นี้ซึมเข้าร่างกายได้ง่าย ทานง่าย แล้วก็มีประโยชน์ตามที่บอกไปข้างต้น แต่โดยส่วนตัวอุ๋มยังไม่เห็นความแตกต่าง มีอย่างเดียวที่เกิดขึ้นคือ ผิวนุ่มขึ้น ธรรมดาผิวตัวจะค่อนข้างแห้ง และไม่เรียบ คือมีแผลยุงกัดบ้าง แผลนู่นนี่ แต่ตอนนี้รู้สึกผิวตึงๆ และสัมผัสไปแล้วนุ่มลื่นขึ้น อาจจะเพราะคอลลาเจนตัวนี้ เพราะบำรุงตัวอื่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงค่ะ

คงต้องลองทานต่อแล้วมาอัพเดทเรื่อยๆ อีกเช่นกัน



L-Carnitine 499 mg
1 ขวด มี 45 เม็ด ราคาขวดละ 420 บาท ค่ะ 
แต่ส่วนมากจะถูกกว่านี้นะแล้วแต่โปรโมชั่น

ส่วนประกอบสำคัญ
L-Carnitine L-Tartate(L-Carnitine 499 Mg.) 726.35 mg

L-Carnitine คืออะไร
L-Carnitine เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นที่ร่างกายต้องสร้างขึ้นจากกรดอะมิโน 2 ตัว ซึ่งก็คือ Lysine และ Methionine วิตามินอีก 3 ตัว Vitamin B6, Vitamin C และ Niacin และเกลือแร่ 1 ตัว คือ Iron ดังนั้น หากร่างกายขาดกรดอะมิโน, วิตามิน หรือเกลือแร่ ดังกล่าว แม้ตัวใดตัวหนึ่ง ก็จะทำให้ร่างกายขาดแอลคาร์นิทีนไปด้วย ซึ่งจำเป็นที่ร่างกายจะต้องได้รับแอลคาร์นิทีนทดแทนเข้าไป เพราะ แอลคาร์นิทีนเป็นกรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนไขมันที่สะสมอยู่ในที่ต่างๆ ของร่างกายให้กลายเป็นพลังงาน ดังนั้น แอลคาร์นิทีน จึงมีฤทธิ์เป็นตัวเผาผลาญไขมัน (Fat Burner) โดยจะไปลดระดับของโคเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ซึ่งเป็นไขมันอันตราย ที่จะไปอุดตันทางเดินของเลือดในเส้นเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดในสมอง และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองแตก และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตัน

วิธีรับประทาน
ทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1-2 เม็ด รับประทานพร้อมอาหาร เพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายในระหว่างวัน จะได้ผลดียิ่งขึ้น 70% เมื่อรับประทานก่อนออกกำลังกาย 15-30 นาที 

*เพื่อให้เห็นผลชัดเจนควรรับประทานอย่างน้อย 3 เดือน*

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
- น้ำหนักลดลง ทำให้ผิวกระชับเฟิร์ม ... ยังไม่เห็น T-T

การทำงานผลิตภัณฑ์
- ช่วยในการเผาผลาญไขมันไม่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่โยโย่

คำเตือน** สำหรับคนที่มีอาการแพ้ต่ออาหารโปรตีน เช่น ไข่ นม หรือข้าวสาลี ไม่ควรกินผลิตภัณฑ์ที่เสริมแอล-คาร์นิทีนเป็นอันขาด รวมทั้งเด็กที่มีอายุยังไม่ถึง 15 ปีและสตรีมีครรภ์ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ ถ้าไม่จำเป็น หรือใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ค่ะ


ความเห็นส่วนตัวหลังจากทานมาประมาณ 1 สัปดาห์

ช่วงที่ผ่านมาทาน L-carnitine ทุกวันค่ะ วันละ 2 เม็ด แต่อุ๋มควบคุมอาหารอย่างมากด้วยนะคะ นน.ลดลงเยอะในช่วงที่ผ่านมาแต่อุ๋มไม่ได้ออกกำลังกายอะไรมาก แค่ซิทอัพวันละ 50 ที และปั่นจักรยานอากาศ 100-200 ทีเท่านั้น เลยไม่แน่ใจว่าเพราะออกกำลังกาย หรือเพราะอาหาร ><" แต่ว่าช่วงเอวกระชับขึ้นเล็กน้อยค่ะ เลยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตัวนี้ด้วย :) ยังไงถ้ามีใครทานแล้วเป็นไงบอกอุ๋มบ้างนะคะ




Acerola Cherry 1000 mg
1 ขวด มี 45 เม็ด ราคาขวดละ 320 บาท ค่ะ 
แต่ส่วนมากจะถูกกว่านี้นะแล้วแต่โปรโมชั่น

ส่วนประกอบสำคัญ
- อะเซโรลา เชอร์รี่ สกัด 1000 มก.
- ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยส์ 80 มก.
- สารสกัดจากทับทิม 60 มก.
- สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 40 มก.
- เบต้า แคโรทีน 10% 30 มก.
- ไลโคพีน 10% 30 มก

Acerola Cherry คืออะไร
อะเซโรล่า เชอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะเขตร้อนแถบทะเลแคริบเบียน เป็นผลไม้ที่ ทั่วโลกให้การยอมรับว่าเป็นแหล่งของวิตามิน ซี  จากธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแหล่งหนึ่งโดยมีปริมาณวิตามิน ซี มากกว่าส้ม 30- 80 เท่า

วิธีรับประทาน
รับประทานวันละ 1 เม็ดหลังอาหารเช้า

ประโยชน์
ช่วยเสริมภูมิให้กับร่างกาย ทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ พร้อมช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน 


ความเห็นส่วนตัวหลังจากทานมาประมาณ 1 สัปดาห์

ยังไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ >< อาจจะเพราะทานหลายตัว แยกเอฟเฟคไม่ออก ผิวดีขึ้น น่าจะเพราะคอลลาเจน และตัวนี้ค่ะ ส่วนภูมิแพ้ยังหนักเหมือนเดิมเพราะว่า ไม่ค่อยได้นอน T-T สุขภาพโทรมลงทุกวัน




Cranberry 600 mg
1 ขวด มี 30 เม็ด ราคาขวดละ 450 บาท ค่ะ 
แต่ส่วนมากจะถูกกว่านี้นะแล้วแต่โปรโมชั่น

ส่วนประกอบสำคัญ
สารสกัดจากแครนเบอร์รี่ 600 มก.

วิธีรับประทาน 
รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมมื้ออาหาร

ข้อควรระวัง
ไม่ทานพร้อมกับยา Aspirin หรือ ให้ทาน cranberry ห่างกับ Aspirin 3-4 ชั่วโมง

ประโยชน์
ช่วยป้องกันการเกิดโรคกะเพาะปัสสาวะอักเสบได้ ช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL)  ช่วยกระบวนการสร้างคอลลาเจน ป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา

ผู้ที่ควรรับประทาน
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ
- ผู้ที่ดูแลสุขภาพผิว ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน
- ผู้ที่ดูแลสุขภาพดวงตาหรือเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม


ความเห็นส่วนตัวหลังจากทานมาประมาณ 1 สัปดาห์

เช่นกันกับ Acerola Cherry ค่ะ ตัวนี้อุ๋มยังไม่รู้สึกอะไรเลย อาจจะเพราะทานหลายตัว และยังไม่นานมากพอที่จะเห็นเอฟเฟคอย่างชัดเจน แต่ทานแล้วรู้สึกดีขึ้นกับร่างกายก็พอแล้วค่ะ :)



จบแล้วค่าาาา รีวิวยาววถึงวิตามินของอุ๋ม :)

แต่ก็ยังต้องย้ำนะคะว่า สุขภาพของเราแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ในการจะรับประทานวิตามินก็เช่นกัน ก่อนทานควรมีการปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกร ส่วนอุ๋มก็มีการหาข้อมูลมาบ้าง แล้วก็เลือกตัวที่เหมาะกับตัวอุ๋ม แต่บางทีก็มีทานมากเกินไป เกินความจำเป็นก็ก่อให้เกิดความสิ้นเปลือง และก่อให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ ยังไงลองศึกษากันดูดีดีนะคะ 


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าทุกคนคงชอบค่ะ <3

และก็ขอฝากเพจของอุ๋มไว้ด้วยนะคะ Get The Look by PP


ส่วน Instagram ของอุ๋มสามารถ Follow ได้ที่ @PannitaP ค่ะ


สวัสดีค่ะ ขอให้วันนี้เป็นวันที่มีความสุขค่ะ