8.31.2013

Workshop กับ Collection ร้านบู๊ทส์ และคุณโมเมพาเพลิน ค่ะ :D

สวัสดีค่า :) 

     วันนี้จะมาเล่าให้ฟังถึง Makeup Workshop กับ เครื่องสำอางจากเกาะอังกฤษ แบรนด์ Collection ซึ่งร่วมกับ ร้านบู๊ทส์ และ คุณโมเม (โมเมพาเพลิน) เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้วค่ะ งานจัดที่ห้องเวิร์คชอปที่เซ็นทรัลชิดลม รวมเวลากว่า 3 ชม. เลยนะคะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณทางแบรนด์มากๆ ที่จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้นะคะ แล้วสำหรับสาวๆ หลังจากอ่านบล๊อกนี้แล้วอุ๋มเชื่อว่าต้องอยากไปร่วมเวิร์คชอปแต่งหน้าแบบอุ๋มแน่ๆ ค่ะ เพราะได้ความรู้ ใหม่ๆ มาแบบเต็มๆ แถมได้เครื่องสำอางใหม่ๆ เล็กๆ น้อยๆ ติดมือมาด้วยนะคะ 

     อุ๋มเองเป็นแฟนของแบรนด์ Collection อยู่แล้ว เนื่องจากหนึ่งเลย คือ ราคาเป็นมิตร ค่ะ และสองคือ หาซื้อได้ง่าย เดินเข้าร้านบู๊ทส์ หรือ วัตสัน ก็ฉกมาได้ทุกที ครั้งละชิ้นสองชิ้น ตอนนี้มีเต็มตู้แล้วค่ะ ก็มาดูกันเลยดีกว่า ว่าอุ๋มได้อะไรมาบ้าง และบรรยากาศวันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยวันนี้จะเล่าสั้นๆ ถึงส่วนของเวิร์คชอป และจะรีวิว เครื่องสำอางจากแบรนด์ Collection ในครอบครองของอุ๋มด้วยนะคะ 

ป่ะ เริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

 

ฮ่าๆๆ ก่อนอื่น จะไปเวิร์คชอป แน่นอนว่าต้องมาด้วยหน้าสดๆๆ ค่ะ แต่ถ้าไม่สดมา ก็มี Cleansing Wipes จาก Boots ให้ใช้ค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้ลองกระดาษเช็ดเครื่องสำอางค์จาก Boots ชอบเลยค่ะ กลิ่นหอม และไม่ระคายเคืองตา แต่ถ้าถามว่าจะถลกกก มาสคาร่าชั้นหนาออกได้ไหมนั้น อันนี้อาจจะต้องเจ็บตาค่ะ อุ๋มแนะนำว่า ใช้ Cleansing Oil เช็ดรอบดวงตาก่อน ส่วนช่วงใบหน้าใช้ตัวกระดาษนี้จะเวิร์คกว่าค่ะ :)

และผู้มาให้ความรู้ และเทคนิคการแต่งหน้าในวันนี้ คุณโมเมค่ะ ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่เลย เสียดายมาก แต่ไม่เป็นไร หวังว่าโอกาสหน้าคงมีโอกาสค่ะ ในเวิร์คชอปครั้งนี้คุณโมเม ให้เทคนิคและความรู้เต็มที่เลยค่ะ แล้วอุ๋มจะค่อยๆ แชร์ไปนะคะ


กรี๊ดดดดดดดด ไป 1 ตลบค่ะ เพราะว่าชอบสีสันมากกก ปกติก็อย่างที่เห็นกันว่าแต่งหน้าออกจากบ้านไม่มีโอกาสได้ใช้สีสันอะไรมากมาย แต่เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยนค่ะ :) วันนั้นอุ๋มเลยมีโอกาสได้เล่นสีสันต่างๆ กับการแต่งตาด้วย สนุกเลยย

 

ลุคที่แต่งในวันนี้คะ อันนี้เป็นลุคที่ 2 คือ  Sophisticated Girl โดยได้แต่งด้วยกัน 2 ลุค คือ

1. Metropolitan Girl ลุคสาวทำงาน สวย กระฉับกระเฉง ด้วย Earth Tone แต่งเติมด้วยสีสันเล็กๆ เพื่อความสดใส แตกต่าง เพิ่มเติมสีสันได้ง่ายๆ รวดเร็ว ไม่เสียเวลา
2. Sophisticated Girl เพิ่มเติมความสวยคมจากลุคสาวทำงาน เป็นสาวที่สวยสะดุดตา มีจุดที่หยุดสายตา (สวยสะดุดตาอย่างที่ไม่เคยเห็นในวันทำงาน)

 โดยใช้เครื่องสำอางของ Collection ทั้งหมดเลย มาดูกันค่ะ ว่าอุ๋มได้เล่นอะไรบ้าง

Primed and Ready Smooth Make Up Primer 
ขนาดปกติ ราคา 429.- บาทค่ะ

ตัวนี้เป็น Primer เนื้อซิลิโคนสำหรับลงก่อนการแต่งหน้า อย่างที่อุ๋มเคยรีวิวไปแล้วนะคะ อันนี้ใช้เท่าเม็ดถั่วเขียวเท่านั้น แล้วค่อยๆ นวด ลงไปบนผิว เพื่อปกปิดรูขุมขน และรอยสิวเฉพาะจุด ทำให้ผิวพร้อมรับรองพื้น และการแต่งหน้าในขั้นตอนต่อๆ ไปค่ะ ชอบตรงที่เนื้อบางมากๆ

Cover & Go Foundation and Concealer Duo
ขนาดปกติ ราคา 499.- บาทค่ะ

ตัวนี้เจ๋งมาก คือชอบจริงๆ เพราะว่าเป็นคนที่ขาด Concealer ไม่ได้ แล้ว Collection เอารองพื้นและ Concealer มาอยู่ด้วยกันค่ะ !!! คือ 1 หลอด ไปได้เลยย หมุนๆ ออกมา มีรองพื้น แต่ถ้าเปิดฝา มี Concealer และกระจก ซึ่งแน่นอนว่าสีของ Concealer และรองพื้นนั้นเป็นสีที่เข้ากัน 

กรี๊ดดดดดดดดด !!

คือชอบมากจริงๆ อุ๋มใช้ เบอร์ 3 Fair ถึง เบอร์ 5 Medium ค่ะ คือ นำ 2 สีนี้มาผสมกันจะได้สีที่พอดีค่ะ


นี่เป็นรูปที่อุ๋มลองใช้ ตัว Cover & Go ค่ะ 
1. รูปแรกทาแค่ครีมบำรุง
2. รูปนี้มา ทารองพื้น เบอร์ 3 Fair เดี่ยวๆ ค่ะ จะเห็นว่ารองพื้นเนื้อตัวนี้เป็นแบบปกปิดปานกลาง หรือ Medium Coverage แต่เนื้อบางดูเป็นธรรมชาติมากๆ ค่ะ
3. ใช้ Concealer สีเบอร์ 3 เช่นกัน ปกปิดรอยคล้ำใต้ดวงตา
4. ทาแป้งฝุ่นทับค่ะ

ชอบมากๆ เพราะง่ายต่อการพกพาที่สุด และไม่ต้องเสียเวลาเลือกสีด้วยค่ะ

อันนี้อุ๋มถ่ายรวมๆ มาให้ดูนะคะ

ซ้ายบน : Mosaic Glow เป็น บรอนซ์เซอร์ ใช้ปัดทั่วหน้าเพิ่มความวิ๊ง หรือใช้ทำเฉดดิ้งเพื่อให้หน้าดูมีมิติ
ขวาบน : Perfecting Minerals Foundation ตัวนี้เป็นแป้งฝุ่นผสมรองพื้นและคอนซีลเลอร์ใน 1 ขั้นตอนค่ะ และขนาดจริงที่ขายตามร้านจะมีแปรงในตัวด้วยทำให้ง่ายต่อการพกพามาก แต่ต้องบอกก่อนว่าแป้งกลุ่มนี้ไม่ควรใช้พร้อมกับรองพื้นหนาๆ ในตอนการแต่งหน้าตอนเช้าก่อนออกจากบ้านนะคะ เพราะ จะทำให้หน้าหนัก และดูเยอะมาก รวมทั้งระหว่างวันหน้าจะละลายย ควรใช้แป้งประเภทนี้ไว้เติมบางๆ ระหว่างวันค่ะ
ซ้ายล่าง : Blush & Hightlight Cream Duo 2 in 1 อันนี้เป็น บรัชออนเนื้อครีม มาพร้อมกับไฮไลต์เลยค่ะ เนื้อนุ่มๆ เกลี่ยง่ายดี และง่ายต่อการพกพา มีสองสีคือชมพูกับส้มค่ะ อุ๋มชอบสีส้มมาก ทาหลังจากลงรองพื้น ก่อนทาแป้ง สีสวยยย
ขวาล่าง : Shimmer Shades เป็นบรัชออนและบรอนเซอร์และไฮไลต์ประมาณนั้นค่ะ มี 4 โทนอยู่ในตลับเดียวเลย อุ๋มรู้สึกว่าถ้าจะซื้อใช้คงเลือกซื้ออันนี้คะเพราะครบดี ชอบพกอะไรน้อยๆ ฮ่าๆ


Pop Tastic Eye Palette ราคา 369.- บาท
พาเลทนี้เหมาะ สำหรับคนชอบสีสันค่ะ แฟนซีสุดๆ กันไปเลย

 

Smokey Eye Palette ราคา 369.- บาท
พาเลทนี้ Neutral แบบสุดๆ แต่งได้ทุกวันแน่นอน ควรเป็นพาเลทเริ่มต้นในการเริ่มแต่งหน้าค่ะ เพราะมีถึง 9 สีง่ายๆ ให้แต่งตา ซึ่งเป็นสีที่ใช้ประจำแน่นอน :)


Metallic Cream Eyeshadow ราคา 269.- บาท
เป็นอายแชโดวเนื้อครีมติดทนนาน แต่แห้งเร็วมาก พอป้ายออกมาต้องรีบๆ เกลี่ยนะคะ ไม่งั้นจะเกลี่ยได้ไม่เนียนและจะเป็นก้อนๆ ที่เปลือกตา


อุ๋มเอามาใช้แทน Eye Primer แล้วลง Eye Shadow เนื้อฝุ่นทับ ทำให้ติดทนนานมากขึ้นค่ะ อันนี้อุ๋มได้กลับบ้านมาด้วย เป็นตัวสี Copper Pot ค่ะ 


หลังลงอายแชโดวเนื้อฝุ่น แค่กรีดอายไลเนอร์ ก็เสร็จแล้วค่ะ ทำให้แต่งหน้าเร็วขึ้นด้วยนะคะ เพราะเหมือน เบสของตาเราเป็นสีอยู่แล้ว ลงฝุ่นอีกแค่ขั้นตอนเดียว


Intense Color Supersoft Kohl Eyeliner ราคาแท่งละ 139.-
ชอบอายไลเนอร์สีๆ นี่ที่สุดเลยค่ะ เพราะตัวดินสอเนื้อนุ่มมาก ไม่เจ็บตา อุ๋มได้ทดลอง 2 สีนี้คือ สี Peacock Feather อันที่ออกเขียวๆ หน่อย ส่วนสีฟ้าชื่อ Blue Belle ค่ะ ชอบทั้ง  2 สีเลย เปรี้ยวว สุดดดๆ 



ในเวิร์คชอป ก็จบประมาณเท่านี้ค่ะ :D ครั้งหน้ามาพบกับรีวิว เครื่องสำอาง Collection แต่ละชิ้นที่อุ๋มได้รับมา รวมทั้งที่ซื้อเองด้วยนะคะ แล้วเจอกันอีกคราวหน้านะคะสาวๆ แค่นี้ก็จดลิสต์ไปช๊อปจากแบรนด์นี้กันไม่ทันแล้วใช่ม๊าา ราคาถูกใจ ไม่ทำร้ายกระเป๋า แถมคุณภาพใช้ได้เลยด้วย



สำหรับสาวๆ ที่อยากติดตามกิจกรรมของ แบรนด์ Collection สามารถเข้าไปที่ www.facebook.com/CollectionThailand เลยนะคะ

แล้วบล๊อกหน้าเจอกันใหม่นะคะ


มีรูปให้ดูคร่าวๆ ก่อนว่าจะรีวิว อะไร :D


หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถตามมาถามที่เพจของอุ๋มได้เลยนะคะ ไม่ว่าจะโพสต์ถามหรือ Inbox มาถามอุ๋มยินดีอย่างยิ่งเลยค่ะ แล้วเจอกันอีกทีบล๊อกหน้าค่ะ วันนี้ไปแล้ววว

สวัสดีค่ะ







8.30.2013

รีวิว FACE PRIMER ยี่ห้อต่างๆ by PannitaP

     เคยไหมคะที่เห็นนักแสดง ดารา ทั้งหลาย ในจอและนอกจอทีวี แล้วคิดอยู่ในใจลึกก ลึ๊กก ว่า ทำไม หน้าดาราที่คุณชื่นชอบ ถึงเนียนเรียบ? รูขุมขนไม่กว้าง? ใบหน้าไม่มัน?  แต่เวลาเราแต่งเองแล้ว แต่งไม่ติด แต่งหน้าแล้วรองพื้นไหลบางทีก็เป็นเส้นๆ ตามร่องของผิว รูขุมขนกว้างเห็นชัดขึ้นระหว่างวัน หรือรอยแดงตามส่วนต่างๆ ของใบหน้าทะลุรองพื้นออกมาให้เห็น ... อย่าเศร้าในโชคชะตาไปค่ะ เพราะแค่เพิ่มขั้นตอนสั้นๆ ไปอีกขั้นตอนเดียวในการเมคอัพ ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป นั่นคือการใช้ Face Primer หรือ ไพรเมอร์ กับผิวหน้าของเราก่อนการแต่งหน้านั่นเอง 

ทำไมต้องใช้ ไพรเมอร์

     เพราะการแต่งหน้านั้นก็ไม่ต่างกับการทาเล็บ หรือแม้กระทั่งการทาสีบ้านทา เพราะการจะทาสีลงไป เราก็ต้องปรับพื้นผิว หรือเตรียมพื้นผิวซะก่อน เพื่อให้สีทีทาลงไปติดได้ทนทานนานยิ่งขึ้น ไพรเมอร์ นั่นเองที่จะมาทำหน้าที่ช่วยเตรียมผิว และปรับพื้นผิวหน้าของเราให้พร้อมก่อนแต่งหน้า โดยทำหน้าที่กระชับรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง ผิวดูกระชับขึ้น ร่องรอยบนใบหน้าดูตื้นขึ้น ทำให้เครื่องสำอางติดทนและเนียนมากขึ้น และทำให้ผิวหน้าของเราดูไม่มีตำหนิ หรือมีตำหนิน้อยลง แถมป้องกันไม่ให้ผิวหน้าหมองคล้ำระหว่างวันได้อีกด้วย

ไพรเมอร์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ

- คนที่มีรูขุมขนกว้าง หรือไม่ผิวไม่เรียบเนียน
- คนที่แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางติดไม่ทนนาน ลบเลือนง่าย
- คนที่ไม่ใช้รองพื้น

ปัญหาของการเลือก ไพรเมอร์

     นั่นคือการเลือก Primer ที่เหมาะกับผิวหน้าของเราๆ ซึ่งนั่นยากพอๆ กับการเลือกสีรองพื้นที่ถูกต้องเลยทีเดียว อุ๋มใช้เวลาทดลอง และโดนค่าเสียหายไปเยอะกับการซื้อผลิตภัณฑ์มาลองผิดลองถูก สิ่งที่เราควรมองหา คือ Primer ที่มีเนื่อเบา ไม่อุดตันตามรูขุมขน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หน้าของเรามีผิวที่เหมาะแก่การแต่งหน้าในขั้นตอนต่อไป

     วันนี้อุ๋มจะมาพูดถึง Primer ต่างๆ ที่อุ๋มมีในครอบครองค่ะ อาจจะไม่มากนัก แต่เป็นยี่ห้อที่หาซื้อได้ในประเทศไทย และราคามีหลาย ระดับตั้งแต่เป็นพัน จนถึงเป็นร้อย อยากให้เพื่อนๆ ลองมองหา Primer ที่เหมาะกับผิวหน้าตัวเองดูค่ะ เพราะอุ๋มก็เป็นคนนึงที่ขาด Primer ไม่ได้ไปเสียแล้ว

ขั้นตอนการทาไพรเมอร์
เตรียมผิวหน้าด้วยการทา มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทั่วใบหน้าและลำคอ ตามด้วย ครีมกันแดด คลึงผิวเบาๆ สัก 1 นาที เพื่อให้ครีมซึมซาบสู่ผิว และผิวดูนุ่มนวลเปล่งปลั่ง ปล่อยหน้าให้แห้งซักแป๊บนึง จึงค่อยทาไพรเมอร์

- แต้มไพรเมอร์ทีละส่วน (ไม่ควรแต้ม 5 จุดแล้วทา) ใช้นิ้วมือเกลี่ยกึ่งนวด เบาๆ
- เริ่มเกลี่ยไพรเมอร์บริเวณแก้ม โดยเกลี่ยในทิศทางลงมาที่ลำคอ
- เกลี่ยที่กึ่งกลางหน้าผากออกมาทางด้านข้าง
- ทาบริเวณจมูก ปลายคาง และเปลือกตา อย่าละเลยปีกจมูก และปลายตา แม้จะเป็นจุดเล็กๆคะ
- จากนั้นก็เข้าสู่การแต่งหน้าตามปกติคะ.

มาเริ่มกันที่ตัวแรกเลยค่ะ

TOO FACED : Primed and Poreless
Skin smoothing face primer, Multi-benefit skincare makeup


ตัวนี้เป็น ไพรเมอร์ จาก แบรนด์ Too Faced ที่สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้า 
ราคาหลอดละ 1,750 บาท ขนาด 45 ml ค่ะ
อุ๋มคิดว่าราคาสูงทีเดียวค่ะ แต่มาดูคุณภาพของเจ้าตัวนี้กันนะคะ ลองอ่านหลังกล่องดูได้
เรียกได้ว่าคุณภาพแบบ Universal ฮ่าๆ


Too Faced : Primed and Poreless ตัวนี้เป็น Silicone-base primer ค่ะ เนื้อของผลิตภัณฑ์ดู Silky นิดๆ มีลักษณะดึ๋งๆ เหมือนมูส เนื้อเป็นสีอมชมพู แต่พอทาบนใบหน้า และเกลี่ยเรียบร้อยแล้ว จะไม่เหลือสีของไพรเมอร์เลย สังเกตได้ว่าผิวไม่เปลี่ยนสีไปซักนิดค่ะ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีผิวสีไหน อุ๋มเชื่อว่าสามารถใช้ ไพรเมอร์ตัวนี้ได้แน่นอนค่ะ


ข้างซ้ายก่อนทา จะเห็นว่าอุ๋มมีร่องรอยอารยธรรมใต้ตาเยอะพอสมควร และตามช่วงแก้มมีรูขุมขนที่เห็นได้ชัดค่ะ มาดูข้างขวาหลังทากันบ้าง แค่ใช้ตาเปล่าของจะสังเกตได้เลยค่ะว่า รูขุมขนที่มองเห็นอยู่นั้นหายไป รวมทั้งร่องรอยใต้ตาดูตื้นขึ้นค่ะ ไพรเมอร์ตัวนี้ทำให้หน้าดูแมทขึ้นด้วย หน้าเนียนเสมือนถ่ายรูปด้วยแอ๊พ แต่นี่ไม่ผ่านแอ๊พใดๆ เลยนะคะ และผิวหน้านุ่มขึ้นด้วยค่ะ

อุ๋มมีโอกาสได้ใช้ TOO FACED : Primed and Poreless ตัวนี้และแต่งหน้าออกไปนอกบ้านทั้งวัน ทำนู่นทำนี่ทำนั่น จนตกเย็น ผลคือหน้ายังดูสว่างและผิวสวยอยู่ อาจมีมันเล็กน้อยช่วงหน้าผากค่ะ ถ้าถามว่าคุ้มค่าไหมกับการลงทุนครั้งนี้ อุ๋มมองว่าคุ้มค่า เพราะว่าวันนึงเราใช้เจ้าตัว ไพรเมอร์นี้นิดเดียวเองค่ะ 


Smashbox : Photo Finish Luminizing Foundation Primer
Oil-Free


อันนี้เคยเป็น Primer ตัวโปรดที่สุดของอุ๋มในช่วงที่ชอบแต่งหน้าแบบดูโกลวๆ ค่ะ เพราะด้วยความ Luminizing ของมันนี่ละ ทำให้หน้าดูวาวแบบสุขภาพดี ไม่ทำให้ดูหน้ามันด้วยนะคะ แต่ว่าตอนนี้ที่ไทยไม่มีเคาร์เตอร์ของ Smashbox แล้วเลยบอกลากันไป อยากได้ต้อง Pre-order หรือฝากคนอื่นหิ้วค่ะ ราคาที่ไทย ตอนที่มีเคาร์เตอร์นั้น คือ หลอดละ 1,690 บาท 30 ml ค่ะ


พอบีบออกมาจากหลอดจะเห็นว่า เนื้อไพรเมอร์เป็นเนื้อซิลิโคนค่ะ มีความวาว หรือชิมเมอร์ในตัวเองเลย ตัวไพรเมอร์มีสีน้ำตาลอ่อนๆ พอทาลงบนผิวจะยังมีความแวววาวอยู่ อุ๋มคิดว่าน่าจะเหมาะกับสาวสีผิวกลางๆ ค่ะ เพราะถ้าขาวหรือผิวสีเข้มเกินไป อาจทำให้หน้าหลอกได้


หลังจากทาแล้วจะรู้สึกได้เลยค่ะว่าผิวละเอียดขึ้น และมีความแวววาวสำหรับคนที่ชอบลุคสปอร์ตๆ หน่อย ดูผิวแวววาวสุขภาพดี อุ๋มแนะนำตัวนี้เลยค่ะ เพราะว่าอุ๋มเองก็ชอบ ไม่ได้ดูหน้าตึงและแห้งจนเกินไป แต่พอแต่งหน้าที่เหลือลงแป้งทับ ความวาวก็จะน้อยลงไปค่ะ 

ที่สำคัญด้วยสีของเนื้อไพรเมอร์ช่วยให้รอยกระและฝ้าบางๆ บนผิวหน้าของอุ๋มดูกลืนและหายไปด้วยทำให้ติดใจผลิตภัณฑ์จาก Smashbox ตัวนี้ แต่เสียดายหาซื้อไม่ได้แล้วค่ะ

** จากการอ่านหลายๆ รีวิวและจากความคิดเห็นคนรอบข้าง Primer ตัวนี้ไม่เหมาะสำหรับผิวมันค่ะ เพราะระหว่างวันจะทำให้หน้าเยิ้มวาว เกินความสวยไปได้ รวมทั้งผิวสีเข้มเกินไปก็ไม่เหมาะเช่นกันค่ะ เพราะจะทำให้สีหน้าดูหลอกไปเลย **

Benefit : The Porefessional
PRO Balm to minimize the appearance of pores


อุ๋มเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักไพรเมอร์เทพตัวนี้จาก Benefit แน่นอนค่ะ เพราะว่า ไม่ว่าไปที่ไหนๆ ทุกคนเคยใช้มาแล้วหมด :) อุ๋มเองก็ใช้มาเป็นหลอดที 2 แล้วค่ะ เรียกได้ว่าเป็น ไพรเมอร์ หลอดแรกๆ ที่ใช้ ราคาที่เคาท์เตอร์ก็อยู่ที่ หลอดละ 1,150 บาท อันนี้ตอนที่อุ๋มซื้อนะคะ (ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปรึยังนะคะ)

ตัวนี้เป็น Silicone Base Primer อีกเช่นกัน ส่วนเนื้อคล้ายๆ มูสค่ะ Silkyๆ มีสีเบจอ่อนๆ ตัวนี้มีสีเดียวนะคะ เพราะพอทาไปจะกลายเป็นไม่มีสี หรือเป็นสีที่กลืนกับเนื้อไปเลยค่ะ และเนื้อเบามากๆ


มาดูกันเลยค่ะว่าหลังจากปาดลงไปชั้นบางๆ บนผิวหน้าอุ๋มแล้วเป็นยังไงบ้าง ผลก็ตามที่เห็นคะ ส่วนที่เป็นรูขุมขนเล็กๆ ก็ถูกเจ้าไพรเมอร์ตัวนี้ลงไปเติมจนเต็ม ทำให้รูขุมขนดูตื่นขึ้น รวมไปถึงเส้นใต้ตาด้วยค่ะ ก็เทพตามที่ว่าๆ กันไว้จริงๆ ค่ะ ชอบตรงที่จากสีเบจอ่อนๆ ก็กลืนไปกับใบหน้าของอุ๋มเลย แต่ว่าในส่วนของกระและฝ้า ตัวนี้ไม่ช่วยในการปรับสีนะคะ 

อุ๋มชอบตัวนี้เพราะว่าคุมมันได้ดีมากค่ะ ระหว่างวันไม่มีหน้าเยิ้มเลย แต่ต้องบอกก่อนว่าอุ๋มผิวผสมนะคะ ส่วนมากถ้าหน้ามัน ก็จะมันอยู่แค่ช่วงหน้าผากและจมูกแค่นั้น

Skinfood : Black Egg Pore Primer


มาถึงตัวสุดท้ายของ Primer แล้วค่ะ ตัวนี้จากแบรนด์ประเทศใกล้ๆ เรานี่เอง Skinfood ค่ะ อุ๋มเรียกตัวนี้ว่า "น้องไข่ดำ" เป็นตัวที่ราคาถูกที่สุดแล้ว ราคาไม่ถึง 500 บาท เลยค่ะ อันนี้ซื้อที่ไทยนะคะ ถ้าที่เกาหลีถูกกว่านี้อีก อุ๋มเลยสอยมาลอง เพราะได้ไปลองที่ช๊อปแล้วชอบค่ะ

เป็นไพรเมอร์ซิลิโคน ที่ไม่มีสีเลย บีบออกมาจากหลอดเป็น เหมือนซิลิโคนใสๆ เลยค่ะ 


อาจมองไม่เห็นความแตกต่างมากนักแต่จริงๆ เจ้าตัวนี้ปิดรูขุมขนได้ดีมาก และทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้นเยอะค่ะ ด้วยราคาที่ถูกอุ๋มว่าคุ้มดี ทาไม่ต้องเยอะมากนะคะ เพราะถ้าลงเยอะๆ จะทำให้หน้ามันระหว่างวันได้ง่าย อันนี้อุ๋มจะค่อยๆ นวดไปที่ผิวจนไพรเมอร์ซึมหมด ก็จะเป็นอย่างที่เห็นค่ะ ไม่ช่วยเรื่อง กระและฝ้า เลย เพราะว่าเนื้อไพรเมอร์ใสสนิท แต่เติมเต็มรูขุมขนได้ดีทีเดียว อันนี้ถ้าเพื่อนๆ ที่มองหาไพรเมอร์ขวดแรกมาลองดู ผิวไม่ได้มีปัญหามากนักอุ๋มแนะนำให้ลอง น้องไข่ดำ ตัวนี้เลยนะคะ :)

เย้ ... จบแล้ววว จริงๆ แล้วยังมีอีกตัวสองตัว แล้วอุ๋มจะมาอัพเดทเรื่อยๆ นะคะ
ครั้งหน้า เจอกับบล๊อกเรื่อง BB และ Foundation :) 


หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถตามมาถามที่เพจของอุ๋มได้เลยนะคะ ไม่ว่าจะโพสต์ถามหรือ Inbox มาถามอุ๋มยินดีอย่างยิ่งเลยค่ะ แล้วเจอกันอีกทีบล๊อกหน้าค่ะ วันนี้ไปแล้ววว

สวัสดีค่ะ








8.27.2013

HOW TO :: แต่งตา เกาหลี เกาหลี (youtube และ รูป ค่ะ)

สวัสดีค่ะ วันนี้ได้ฤกษ์อัพ How To ซะทีค่าา หายไปน๊านน ไม่ได้สอนแต่งลุคใหม่ๆ เลย
ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ ได้ไอเดียมาหลายลุค จะค่อย ทยอยอัพนะคะ

ครั้งนี้มาในลุคนี้ค่ะ งานแบ๊ว งานขนตาฟู งานตาเข้ม

แต่แต่งง่ายนิดเดียวว !!!! รับรองจะถูกใจ :D


ดูเป็นคลิปก็ได้ แต่ถ้าต้องแอบดูที่ที่ทำงาน ที่มหาวิทยาลัย หรือแอบพ่อแม่ดู
เลื่อนลงไปดูเป็นรูปภาพได้นะคะ ฮิฮิ


ก่อนเริ่มแต่งหน้าอุ๋มลง Moisturizer, กันแดด, รองพื้น และแป้งฝุ่น เรียบร้อยแล้วนะคะ

มาเริ่มที่ คิ้วกันเลยย ^^


อุปกรณ์

- Beautilicious Have-It-All Eyebrow Palette หรือ อายแชโดวสีน้ำตาล
- แปรงปัดขนคิ้วยี่ห้ออะไรก็ได้
- Maybelline FASHION BROW 24H Coloring Mascara หรือ มาสคาราคิ้ว ค่ะ


ขั้นตอนตามนี้เลยค่า วิธีการเขียนคิ้วโดยปกติของอุ๋มคือ

1. เริ่มด้วยการใช้แปรงปัดคิ้วด้วยอายแชโดวสีน้ำตาลที่ใกล้เคียงกับสีผม สร้างกรอบคิ้วก่อน
2. ระบายอายแชโดวสีน้ำตาลในกรอบที่ร่างไว้
3. หัวคิ้วใช้สีน้ำตาลที่อ่อนกว่า หรือใช้น้ำหนักมือที่เบากว่า
4. ใช้มาสคาร่าสำหรับปัดคิ้ว ปัดย้อนแนวขนคิ้ว *ปัดเฉพาะขนคิ้วอย่าให้โดนผิว*
5. ปัดกลับตามแนวเส้นขนคิ้ว

จบค่าาา ได้คิ้วสวยๆ ดูธรรมชาติล่ะ

ได้เวลามาแต่งตากันแล้วค่ะ


ขั้นตอนแรก ก่อนการแต่งตาทุกครั้ง Eye Primer ค่ะ ครั้งนี้อุ๋มใช้ Shadow Insurance จาก Too Faced ค่ะ เริ่ดสุดๆ :)


ลงอายแชโดวสีเบจ เนื้อแมท ให้ทั่วเปลือกตา
อุ๋มใช้ สี Foxy ใน Urban Decay Naked Basic Palette ค่ะ


ตะลุยกันต่อเลย 

- ใช้อายไลเนอร์ชนิดดินสอ สีดำสนิท เขียนขอบตาด้านในทั้งด้านบน และด้านล่าง อุ๋มใช้ In2It ค่ะ
- เขียนเส้นอายไลเนอร์เส้นบางๆ ด้วยอายไลเนอร์แบบดินสอ ตวัดหางเล็กน้อย
- ใช้แปรงหัวดินสอ หรือ Pencil Brush แตะอายแชโดวสีดำ เล็กน้อย อุ๋มใช้ สี Crave ใน UD Naked Basic ค่ะ เริ่มปัดจากหางตามาหัวตาตามภาพเลยค่ะ ขนาดไม่ต้องใหญ่มาก


- ใช้แปรงเกลี่ย หรือ Blending Brush เกลี่ยนส่วนที่ทาอายแชโดวเอาไว้ในขั้นตอนที่แล้ว เกลี่ยนให้เลยชั้นพับตา
- ใช้แปรงขนาดเล็ก แตะอายแชโดวสีดำ และทาให้ทั่วขอบตาล่าง 

*อายแชโดวเนื้อฝุ่นจะช่วยให้ อายไลเนอร์ชนิดดินสอที่ลงไว้ก่อนหน้านี้ติดทนขึ้นค่ะ


- ดัดขนตาแล้วปัดมาสคาร่า ทั้งขนตาบนแล้วล่าง
- ติดขนตาปลอมเป็นช่อช่วงหางตา

หลังจากนั้น ปัดแก้ม และทาลิปสติก

เสร็จแล้วค้าาา


อยากให้ลองนำลุคนี้ไป Match กับลิปสติก หลายๆ สีดูนะคะ อุ๋มลองชมพูก็ออกมาแบ๊วดี แต่พอทาสีแดง ก็เปลี่ยนอารมณ์ไปเลยค่ะ ดุไปอีกแบบ ฮิฮิ



วันนี้ขอจบฮาวทูสั้นๆ เพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าคงชอบ และแต่งตามกันได้สำเร็จนะคะ

ถ้าอยากได้ลุคแบบไหน สามารถรีเควสกันได้ที่เพจอุ๋มได้เลยนะคะ
เอารูปมาโพสต์ได้เต็มที่เลย อุ๋มชอบเลียนแบบลุคจากดารา นักร้องค่า :D

ติดตามเพจอุ๋มกัน คลิกที่รูปได้เลยนะคะ

สวัสดีค่ะ :)




8.21.2013

Review :: Schawarzkopf Extra Care ดูแลบำรุงผมทำสี

     สวัสดีค่ะ ทุกคน :) วันนี้อุ๋มมาเขียนบล๊อกรีวิวในด้านของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดูแล และบำรุงผมบ้างค่ะ ไม่เคยได้ยก เรื่องผมๆ มาพูดซักเท่าไรเลย เนื่องจากว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยดูแลอ่ะสิ ทั้งๆ ที่อุ๋มทั้งดัดผม ทำสีผม ไดรฟ์ผม ม้วนผม และทำร้ายผมสารพัด!! บอกเลยทำร้ายกันมานักต่อนัก

     ครั้งนี้ แบรนด์ Schawarzkopf ใจดี ส่งผลิตภัณฑ์มาให้อุ๋มทดลองใช้ถึง 4 ตัวด้วยกันค่ะ เรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาช่วยแก้ปัญหาผมเสียของอุ๋มโดยตรงเลยค่ะ ซึ่งทั้ง 4 ชิ้นนี้อยู่ในไลน์ Extra Care ของ Schawarzkopf นะคะ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่้ใช้ดูแลผมเสียจากการทำสีโดยตรงเลย จำไว้ได้เล้ยยย ขวดสีแดง ดูแลผมทำสี มีอะไรมาดูกันเลยค่ะ




 เริ่มที่ตัวแรกเลย Extra Care Daily Oil Elixir 


 
ราคาขวดละ 199 บาท 

     ตัวนี้เป็นตัวใหม่ ชื่อว่า "เอ็กซ์ตร้าแคร์ เดลี่ ออย อิลิคเซอร์" เป็นตัวช่วยในการปกป้อง และฟื้นบำรุงเส้นผมในผลิตภัณฑ์เดียว เหมาะสำหรับผมทุกประเภท ปกติอุ๋มเป็นคนหนังหัวมันมากค่ะ แต่ผมแห้ง เลยลองใช้ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้่ดู

ทางแบรนด์เคลมว่า: ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถฟื้นฟูและบำรุงผมแห้งเสีย ให้ดูสุขภาพดีมีชีวิตชีวา สูตรอุดมด้วยน้ำมันสกัดเข้มข้นพิเศษ ให้ผมนุ่มสลวยเงางามทันที บางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ เพิ่มการบำรุงในทุกขั้นตอนการใช้ได้ โดยไม่ก่อให้เกิดความมันบนเส้นผม
วิธีใช้ : เลือกบำรุงเส้นผมได้ 3 วิธี ใช้ได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ
1. ก่อนสระ ลูบออยอิลิคเซอร์บนผมส่วนที่แห้งเสียเป็นพิเศษเพื่อเน้นการปกป้องเส้นผม
2. หลังสระ เช็ดผมให้หมาด ลูบออยอิลิคเซอร์บริเวณผมแห้งเสีย เพื่อฟื้นบำรุงให้ผมนุ่มสลวย หวีง่ายไม่พันกัน
3. ขณะจัดแต่งทรงผม เพื่อเพิ่มการบำรุงเส้นผม 

ในกรณีที่ผมอ่อนแอมาก แนะนำให้ใช้ทั้ง 3 วิธีในคราวเดียวกัน *อุ๋มใช้เฉพาะหลังสระค่ะ*

ส่วนประกอบ พร้อมรายละเอียดด้วยว่าแต่ละอย่างมีประโยชน์อะไร :)
- Apricot kernel oil :: น้ำมันสกัดเมล็ดแอพพริคอท นำมาใช้เพื่อบำรุงผมที่แห้งเสียและถูกทำลายอย่างมาก และช่วยปรับโครงสร้างเส้นผมช่วยไม่ให้ผมหยิกชี้ฟู และช่วยให้จัดทรงง่าย
- Olive Oil :: กรดไลโนเลอิคจากน้ำมันมะกอกคุณภาพดี ช่วยให้เส้นผมนุ่มลื่นเป็นประกายเงางาม
- Macadamia Oil :: น้ำมันถั่วแมคคาเดเมีย มีคุณสมบัติช่วยในการรักษาและฟื้นฟูผมหยิกชี้ฟู หรือผมเสียมาก
- Sweet Almond Oil :: น้ำมันอัลมอนด์ ให้การบำรุงอย่างล้ำลึก โดยไม่ทำให้ผมลีบแบน
- Sesame Oil :: น้ำมันงาที่อุดมไปด้วยกรดไลโนเลอิค ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีเส้นผมเส้นเล็กบางและหนังศีรษะแพ้ง่าย

ความรู้สึกของอุ๋ม

หลังใช้น้ำมันเหลือง (เป็นชื่อที่อุ๋มตั้งขึ้น) มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ รู้สึกได้เลยค่ะว่าผมดีขึ้น เพราะปกติเป็นคนผมเสียมากๆๆๆ ด้วยความที่เป็นคนหนังหัวมันจะกลัวน้ำมันใส่ผมมาก แต่น้ำมันตัวนี้แบบ ให้ความรู้สึกเบาๆ นะคะ คือไม่ได้ทำให้หัวเลียบแปล้ลงมาเลย และก็กลิ่นไม่เหม็น ช่วงปลายผมที่แตกปลายและขาดตลอด ก็ดีขึ้นค่ะ

แต่ผลที่ตามมาอีกอย่าง คือ ... ลอนผมที่ดัดอยู่ หายไปด้วย T-T คือ ผลิตภัณฑ์เหมาะกับผู้ที่อยากมีผมตรงสลวยสวยเก๋ ดั่งในโฆษณานะคะ ผมหยิกหงิกงอมันหายไปด้วย สุดท้ายสงสัยต้องไปดัดใหม่ แง้ เพราะฉะนั้น ถ้าดัดผมอยู่ไม่แนะนำให้ใช้ตัวนี้ค่ะ


ต่อด้วยอีก 3 ชิ้น คือ Extra Care Color Protect Shampoo, Extra Care Color Protect Conditioner และ Extra Care Mask 

แชมพู ราคา ขวดละ 85 บาท 
และ ครีมนวด ราคา ขวดละ 95 บาท
ทรีทเม้นท์ ราคา 165 บาท

ทางแบรนด์เคลมว่าเซ็ท "เอ็กซ์ตร้าแคร์ คัลเลอร์ ชายน์ แอนด์ โพรเทค" ด้วยสูตรผสม ลิควิไดซ์ คริสตัล และยูวี คอมเพล็กซ์  ที่ช่วยปกป้องเส้นผมและเคลือบปิดเกล็ดผมภายหลังการทำสี ให้ผมทำสีคงความสวยเข้ม เป็นเงางาม บำรุงผมทำสีให้สีผมคงความสดใส เปล่งประกายเป็นเงางาม เพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม


หมายเหตุ: ควรใช้เป็นผลิตภัณฑ์เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสิทธิภาพในการบำรุงเส้นผมให้เงางามภายหลังการทำสี และ เพื่อการบำรุงผมอย่างล้ำลึก ให้ ใช้ทรีทเม้นท์ สัปดาห์ละ 2 ครั้งค่ะ

ความรู้สึกของอุ๋ม

หลังใช้เจ้า 3 ขวดแดงนี้ มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยสระผมด้วยแชมพูและครีมนวดทุกวัน และมาร์ส สัปดาห์ละครั้ง ก่อนอื่นต้องบอกว่า ชอบกลิ่น มากที่สุด !! หอมจริงๆ ค่ะ ส่วนความรู้สึกอื่นๆ ไม่ค่อยต่างจากการใช้แชมพูอื่นๆ เท่าไหร่ ครีมนวดทำให้ผมนุ่มลื่นดี ส่วนทรีทเม้นท์ก็ทำให้ผมกลับมามีน้ำหนัก และเงามากขึ้น ประมาณนี้ค่ะ ติดใจกลิ่น จะซื้อใช้ต่อค่ะ


จบแล้วรีวิวเรื่องผมๆ :D ครั้งหน้ามี ภารกิจ กิจกรรม หรือ รีวิวอะไร
ก็อย่าลืมมาอัพเดทกันได้ที่เพจอุ๋มเลยนะคะ
ติดตามเพจอุ๋มกัน คลิกที่รูปได้เลยนะคะ

สวัสดีค่ะ :)

8.13.2013

Review :: มาร์ส Terra BC Cream

เมื่อเร็วๆ นี้อุ๋มได้ร่วมสนุกกับทางนิตยสาร Cosmopolitan แล้วได้รับ Scrub Mask มาตัวนึงค่ะ ชื่อยี่ห้อ ว่า Terra BC Cream Scrub Mask อุ๋มว่าหลายๆ คนอาจจะเคยได้เห็นกันมาบ้างแล้ว เพราะ มีดาราหลายคนใช้กันค่ะ แต่ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้มาไม่เคยได้ยินจริงๆ ตอนแรกไม่กล้าลอง เพราะ ไม่รู้จักก็เลยลองหาข้อมูลดู ได้ข้อมูลดังนี้ ...

Terra BC Cream Scrub Mask  : เป็นมาส์กที่มีเนื้อสครับในตัว ส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ ได้จากไข่มุกและดอกไม้ เมืองหนาวจากเกาหลี ด้วยการผลิตอันทันสมัย และส่วนผสมที่ดีที่สุดจึงได้มาส์กสูตรใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่ผู้ใช้จะได้รู้สึกถึงความแตกต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้



Terra BC Cream Scrub Mask ผลิตจากประเทศเกาหลี 100% ผ่านการนำเข้าอย่างถูกต้อง
ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย) เลขที่ 10-2-5606887 ปลอดภัยและมั่นใจในคุณภาพไม่มีส่วนผสมของวัตถุอันตราย 


อ่านมาถึงตรงนี้ เอ่ออ ลองใช้ดูดีกว่า ฮ่าๆๆ

วิธีใช้ Terra BC magic scrub cream mask ตามข้างกล่องค่ะ

1. ล้างหน้าให้สะอาด
2. นวดครีม ให้ทั่งใบหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก และทิ้งไว้ 5-10 นาที 
3. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

* อุ๋มเพิ่มการสครับเข้าไปในขั้นตอนการล้างหน้า 
คือ แตะน้ำที่นิ้ว แล้วนวดหน้าซัก 2-3 นาทีก่อนล้างออกค่ะ *


ตามนั้น ปาดๆ ป้ายๆ เว้นตา และปากไว้ :) จริงๆ ใช้มา 4 รอบแล้วนะคะ ก่อนจะมารีวิว ฮ่าๆ เลยคิดว่าเวิร์ค รีวิวเหอะ ชอบจัง ตอนมาส์ก จะรู้สึกเย็นๆ ที่ผิวค่ะ ใช้มา 3 ครั้ง ไม่แพ้ เลยจับน้องชายมาส์กด้วยกัน หลอดใหญ่ค่อนข้างมาก น่าจะใช้ได้หลายครั้งค่ะ


ระหว่างรอ 5-10 นาทีนั้น ก็อัพบล๊อก ถ่ายรูป ทำอะไรไปได้ตามใจค่ะเหอะๆ


ทางแบรนด์เคลมไว้ว่า Terra BC Cream Scrub Mask นั้น สามารถ

- detox เอาสิ่งสกปรกและสารเคมี ออกจากรูขุมขนจากผิว
- ผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออ
- ปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสและเนียนนุ่ม
- ช่วยสร้างและฟื้นฟูสภาพผิวให้ชุ่มชื่น
- ช่วยลดต้นเหตุของการเกิดสิว รักษาสิว
- ช่วยลดฝ้า กระ รอยแดง รอยดำ รอยแผลเป็นจากสิวให้ดูจางลง
- ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กล


ความรู้สึกส่วนตัว ::

หลังการใช้ อุ๋มไม่ได้รู้สึกหน้าขาวขึ้น แต่รู้สึกว่าหน้าสะอาดขึ้นค่ะ ชอบความรู้สึกหลังล้างมาส์กออกจะเย็นๆ และหน้านุ่มชุ่มชื้นค่ะ เพราะปกติไม่ค่อยมีปัญหากับผิวหน้าเท่าไหร่ อันนี้เลยบอกไม่ได้ ก่อนล้างมาส์กออกอุ๋มจะนวดๆๆ ก่อนพักนึง พอล้างแล้วผิวนุ่ม แค่นี้ก็ใช้ได้แล้วค่ะ แฮปปี้ๆ

สืบทราบราคามาว่า หลอดละ 1,490 บาทค่ะ แต่ขนาดใหญ่พอสมควรนะคะ คุ้มอยู่ๆ

หากอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม หรือวิธีสั่งซื้อลองเข้าไปที่เพจดูได้เลยนะคะ


วันนี้ขอจบรีวิวสั้นๆ เพียงเท่านี้ค่า :D สวัสดีค่ะ


อย่าลืมมาติดตามเพจอุ๋มกันนะคะ ขอบคุณค่า