8.30.2013

รีวิว FACE PRIMER ยี่ห้อต่างๆ by PannitaP

     เคยไหมคะที่เห็นนักแสดง ดารา ทั้งหลาย ในจอและนอกจอทีวี แล้วคิดอยู่ในใจลึกก ลึ๊กก ว่า ทำไม หน้าดาราที่คุณชื่นชอบ ถึงเนียนเรียบ? รูขุมขนไม่กว้าง? ใบหน้าไม่มัน?  แต่เวลาเราแต่งเองแล้ว แต่งไม่ติด แต่งหน้าแล้วรองพื้นไหลบางทีก็เป็นเส้นๆ ตามร่องของผิว รูขุมขนกว้างเห็นชัดขึ้นระหว่างวัน หรือรอยแดงตามส่วนต่างๆ ของใบหน้าทะลุรองพื้นออกมาให้เห็น ... อย่าเศร้าในโชคชะตาไปค่ะ เพราะแค่เพิ่มขั้นตอนสั้นๆ ไปอีกขั้นตอนเดียวในการเมคอัพ ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป นั่นคือการใช้ Face Primer หรือ ไพรเมอร์ กับผิวหน้าของเราก่อนการแต่งหน้านั่นเอง 

ทำไมต้องใช้ ไพรเมอร์

     เพราะการแต่งหน้านั้นก็ไม่ต่างกับการทาเล็บ หรือแม้กระทั่งการทาสีบ้านทา เพราะการจะทาสีลงไป เราก็ต้องปรับพื้นผิว หรือเตรียมพื้นผิวซะก่อน เพื่อให้สีทีทาลงไปติดได้ทนทานนานยิ่งขึ้น ไพรเมอร์ นั่นเองที่จะมาทำหน้าที่ช่วยเตรียมผิว และปรับพื้นผิวหน้าของเราให้พร้อมก่อนแต่งหน้า โดยทำหน้าที่กระชับรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง ผิวดูกระชับขึ้น ร่องรอยบนใบหน้าดูตื้นขึ้น ทำให้เครื่องสำอางติดทนและเนียนมากขึ้น และทำให้ผิวหน้าของเราดูไม่มีตำหนิ หรือมีตำหนิน้อยลง แถมป้องกันไม่ให้ผิวหน้าหมองคล้ำระหว่างวันได้อีกด้วย

ไพรเมอร์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ

- คนที่มีรูขุมขนกว้าง หรือไม่ผิวไม่เรียบเนียน
- คนที่แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางติดไม่ทนนาน ลบเลือนง่าย
- คนที่ไม่ใช้รองพื้น

ปัญหาของการเลือก ไพรเมอร์

     นั่นคือการเลือก Primer ที่เหมาะกับผิวหน้าของเราๆ ซึ่งนั่นยากพอๆ กับการเลือกสีรองพื้นที่ถูกต้องเลยทีเดียว อุ๋มใช้เวลาทดลอง และโดนค่าเสียหายไปเยอะกับการซื้อผลิตภัณฑ์มาลองผิดลองถูก สิ่งที่เราควรมองหา คือ Primer ที่มีเนื่อเบา ไม่อุดตันตามรูขุมขน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หน้าของเรามีผิวที่เหมาะแก่การแต่งหน้าในขั้นตอนต่อไป

     วันนี้อุ๋มจะมาพูดถึง Primer ต่างๆ ที่อุ๋มมีในครอบครองค่ะ อาจจะไม่มากนัก แต่เป็นยี่ห้อที่หาซื้อได้ในประเทศไทย และราคามีหลาย ระดับตั้งแต่เป็นพัน จนถึงเป็นร้อย อยากให้เพื่อนๆ ลองมองหา Primer ที่เหมาะกับผิวหน้าตัวเองดูค่ะ เพราะอุ๋มก็เป็นคนนึงที่ขาด Primer ไม่ได้ไปเสียแล้ว

ขั้นตอนการทาไพรเมอร์
เตรียมผิวหน้าด้วยการทา มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทั่วใบหน้าและลำคอ ตามด้วย ครีมกันแดด คลึงผิวเบาๆ สัก 1 นาที เพื่อให้ครีมซึมซาบสู่ผิว และผิวดูนุ่มนวลเปล่งปลั่ง ปล่อยหน้าให้แห้งซักแป๊บนึง จึงค่อยทาไพรเมอร์

- แต้มไพรเมอร์ทีละส่วน (ไม่ควรแต้ม 5 จุดแล้วทา) ใช้นิ้วมือเกลี่ยกึ่งนวด เบาๆ
- เริ่มเกลี่ยไพรเมอร์บริเวณแก้ม โดยเกลี่ยในทิศทางลงมาที่ลำคอ
- เกลี่ยที่กึ่งกลางหน้าผากออกมาทางด้านข้าง
- ทาบริเวณจมูก ปลายคาง และเปลือกตา อย่าละเลยปีกจมูก และปลายตา แม้จะเป็นจุดเล็กๆคะ
- จากนั้นก็เข้าสู่การแต่งหน้าตามปกติคะ.

มาเริ่มกันที่ตัวแรกเลยค่ะ

TOO FACED : Primed and Poreless
Skin smoothing face primer, Multi-benefit skincare makeup


ตัวนี้เป็น ไพรเมอร์ จาก แบรนด์ Too Faced ที่สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้า 
ราคาหลอดละ 1,750 บาท ขนาด 45 ml ค่ะ
อุ๋มคิดว่าราคาสูงทีเดียวค่ะ แต่มาดูคุณภาพของเจ้าตัวนี้กันนะคะ ลองอ่านหลังกล่องดูได้
เรียกได้ว่าคุณภาพแบบ Universal ฮ่าๆ


Too Faced : Primed and Poreless ตัวนี้เป็น Silicone-base primer ค่ะ เนื้อของผลิตภัณฑ์ดู Silky นิดๆ มีลักษณะดึ๋งๆ เหมือนมูส เนื้อเป็นสีอมชมพู แต่พอทาบนใบหน้า และเกลี่ยเรียบร้อยแล้ว จะไม่เหลือสีของไพรเมอร์เลย สังเกตได้ว่าผิวไม่เปลี่ยนสีไปซักนิดค่ะ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีผิวสีไหน อุ๋มเชื่อว่าสามารถใช้ ไพรเมอร์ตัวนี้ได้แน่นอนค่ะ


ข้างซ้ายก่อนทา จะเห็นว่าอุ๋มมีร่องรอยอารยธรรมใต้ตาเยอะพอสมควร และตามช่วงแก้มมีรูขุมขนที่เห็นได้ชัดค่ะ มาดูข้างขวาหลังทากันบ้าง แค่ใช้ตาเปล่าของจะสังเกตได้เลยค่ะว่า รูขุมขนที่มองเห็นอยู่นั้นหายไป รวมทั้งร่องรอยใต้ตาดูตื้นขึ้นค่ะ ไพรเมอร์ตัวนี้ทำให้หน้าดูแมทขึ้นด้วย หน้าเนียนเสมือนถ่ายรูปด้วยแอ๊พ แต่นี่ไม่ผ่านแอ๊พใดๆ เลยนะคะ และผิวหน้านุ่มขึ้นด้วยค่ะ

อุ๋มมีโอกาสได้ใช้ TOO FACED : Primed and Poreless ตัวนี้และแต่งหน้าออกไปนอกบ้านทั้งวัน ทำนู่นทำนี่ทำนั่น จนตกเย็น ผลคือหน้ายังดูสว่างและผิวสวยอยู่ อาจมีมันเล็กน้อยช่วงหน้าผากค่ะ ถ้าถามว่าคุ้มค่าไหมกับการลงทุนครั้งนี้ อุ๋มมองว่าคุ้มค่า เพราะว่าวันนึงเราใช้เจ้าตัว ไพรเมอร์นี้นิดเดียวเองค่ะ 


Smashbox : Photo Finish Luminizing Foundation Primer
Oil-Free


อันนี้เคยเป็น Primer ตัวโปรดที่สุดของอุ๋มในช่วงที่ชอบแต่งหน้าแบบดูโกลวๆ ค่ะ เพราะด้วยความ Luminizing ของมันนี่ละ ทำให้หน้าดูวาวแบบสุขภาพดี ไม่ทำให้ดูหน้ามันด้วยนะคะ แต่ว่าตอนนี้ที่ไทยไม่มีเคาร์เตอร์ของ Smashbox แล้วเลยบอกลากันไป อยากได้ต้อง Pre-order หรือฝากคนอื่นหิ้วค่ะ ราคาที่ไทย ตอนที่มีเคาร์เตอร์นั้น คือ หลอดละ 1,690 บาท 30 ml ค่ะ


พอบีบออกมาจากหลอดจะเห็นว่า เนื้อไพรเมอร์เป็นเนื้อซิลิโคนค่ะ มีความวาว หรือชิมเมอร์ในตัวเองเลย ตัวไพรเมอร์มีสีน้ำตาลอ่อนๆ พอทาลงบนผิวจะยังมีความแวววาวอยู่ อุ๋มคิดว่าน่าจะเหมาะกับสาวสีผิวกลางๆ ค่ะ เพราะถ้าขาวหรือผิวสีเข้มเกินไป อาจทำให้หน้าหลอกได้


หลังจากทาแล้วจะรู้สึกได้เลยค่ะว่าผิวละเอียดขึ้น และมีความแวววาวสำหรับคนที่ชอบลุคสปอร์ตๆ หน่อย ดูผิวแวววาวสุขภาพดี อุ๋มแนะนำตัวนี้เลยค่ะ เพราะว่าอุ๋มเองก็ชอบ ไม่ได้ดูหน้าตึงและแห้งจนเกินไป แต่พอแต่งหน้าที่เหลือลงแป้งทับ ความวาวก็จะน้อยลงไปค่ะ 

ที่สำคัญด้วยสีของเนื้อไพรเมอร์ช่วยให้รอยกระและฝ้าบางๆ บนผิวหน้าของอุ๋มดูกลืนและหายไปด้วยทำให้ติดใจผลิตภัณฑ์จาก Smashbox ตัวนี้ แต่เสียดายหาซื้อไม่ได้แล้วค่ะ

** จากการอ่านหลายๆ รีวิวและจากความคิดเห็นคนรอบข้าง Primer ตัวนี้ไม่เหมาะสำหรับผิวมันค่ะ เพราะระหว่างวันจะทำให้หน้าเยิ้มวาว เกินความสวยไปได้ รวมทั้งผิวสีเข้มเกินไปก็ไม่เหมาะเช่นกันค่ะ เพราะจะทำให้สีหน้าดูหลอกไปเลย **

Benefit : The Porefessional
PRO Balm to minimize the appearance of pores


อุ๋มเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักไพรเมอร์เทพตัวนี้จาก Benefit แน่นอนค่ะ เพราะว่า ไม่ว่าไปที่ไหนๆ ทุกคนเคยใช้มาแล้วหมด :) อุ๋มเองก็ใช้มาเป็นหลอดที 2 แล้วค่ะ เรียกได้ว่าเป็น ไพรเมอร์ หลอดแรกๆ ที่ใช้ ราคาที่เคาท์เตอร์ก็อยู่ที่ หลอดละ 1,150 บาท อันนี้ตอนที่อุ๋มซื้อนะคะ (ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปรึยังนะคะ)

ตัวนี้เป็น Silicone Base Primer อีกเช่นกัน ส่วนเนื้อคล้ายๆ มูสค่ะ Silkyๆ มีสีเบจอ่อนๆ ตัวนี้มีสีเดียวนะคะ เพราะพอทาไปจะกลายเป็นไม่มีสี หรือเป็นสีที่กลืนกับเนื้อไปเลยค่ะ และเนื้อเบามากๆ


มาดูกันเลยค่ะว่าหลังจากปาดลงไปชั้นบางๆ บนผิวหน้าอุ๋มแล้วเป็นยังไงบ้าง ผลก็ตามที่เห็นคะ ส่วนที่เป็นรูขุมขนเล็กๆ ก็ถูกเจ้าไพรเมอร์ตัวนี้ลงไปเติมจนเต็ม ทำให้รูขุมขนดูตื่นขึ้น รวมไปถึงเส้นใต้ตาด้วยค่ะ ก็เทพตามที่ว่าๆ กันไว้จริงๆ ค่ะ ชอบตรงที่จากสีเบจอ่อนๆ ก็กลืนไปกับใบหน้าของอุ๋มเลย แต่ว่าในส่วนของกระและฝ้า ตัวนี้ไม่ช่วยในการปรับสีนะคะ 

อุ๋มชอบตัวนี้เพราะว่าคุมมันได้ดีมากค่ะ ระหว่างวันไม่มีหน้าเยิ้มเลย แต่ต้องบอกก่อนว่าอุ๋มผิวผสมนะคะ ส่วนมากถ้าหน้ามัน ก็จะมันอยู่แค่ช่วงหน้าผากและจมูกแค่นั้น

Skinfood : Black Egg Pore Primer


มาถึงตัวสุดท้ายของ Primer แล้วค่ะ ตัวนี้จากแบรนด์ประเทศใกล้ๆ เรานี่เอง Skinfood ค่ะ อุ๋มเรียกตัวนี้ว่า "น้องไข่ดำ" เป็นตัวที่ราคาถูกที่สุดแล้ว ราคาไม่ถึง 500 บาท เลยค่ะ อันนี้ซื้อที่ไทยนะคะ ถ้าที่เกาหลีถูกกว่านี้อีก อุ๋มเลยสอยมาลอง เพราะได้ไปลองที่ช๊อปแล้วชอบค่ะ

เป็นไพรเมอร์ซิลิโคน ที่ไม่มีสีเลย บีบออกมาจากหลอดเป็น เหมือนซิลิโคนใสๆ เลยค่ะ 


อาจมองไม่เห็นความแตกต่างมากนักแต่จริงๆ เจ้าตัวนี้ปิดรูขุมขนได้ดีมาก และทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้นเยอะค่ะ ด้วยราคาที่ถูกอุ๋มว่าคุ้มดี ทาไม่ต้องเยอะมากนะคะ เพราะถ้าลงเยอะๆ จะทำให้หน้ามันระหว่างวันได้ง่าย อันนี้อุ๋มจะค่อยๆ นวดไปที่ผิวจนไพรเมอร์ซึมหมด ก็จะเป็นอย่างที่เห็นค่ะ ไม่ช่วยเรื่อง กระและฝ้า เลย เพราะว่าเนื้อไพรเมอร์ใสสนิท แต่เติมเต็มรูขุมขนได้ดีทีเดียว อันนี้ถ้าเพื่อนๆ ที่มองหาไพรเมอร์ขวดแรกมาลองดู ผิวไม่ได้มีปัญหามากนักอุ๋มแนะนำให้ลอง น้องไข่ดำ ตัวนี้เลยนะคะ :)

เย้ ... จบแล้ววว จริงๆ แล้วยังมีอีกตัวสองตัว แล้วอุ๋มจะมาอัพเดทเรื่อยๆ นะคะ
ครั้งหน้า เจอกับบล๊อกเรื่อง BB และ Foundation :) 


หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถตามมาถามที่เพจของอุ๋มได้เลยนะคะ ไม่ว่าจะโพสต์ถามหรือ Inbox มาถามอุ๋มยินดีอย่างยิ่งเลยค่ะ แล้วเจอกันอีกทีบล๊อกหน้าค่ะ วันนี้ไปแล้ววว

สวัสดีค่ะ








No comments: