6.30.2015

[REVIEW] รองเท้าเพื่อสุขภาพ รองเท้า Dr.Kong

     สวัสดีค่ะ ในบล๊อกนี้อุ๋มจะมาพูดถึงเรื่องของ "สุขภาพเท้า" ของเรากันค่ะ ทุกวันนี้ไม่ว่าการทำงาน หรือการใช้ชีวิตของพวกเราจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่ารองเท้าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราอย่างแน่นอนค่ะ และอุ๋มเชื่อว่าสาวๆ ทุกคนต้องมีรองเท้าคู่โปรดของตัวเอง ซึ่งรองเท้าคู่นั้นอาจจะเป็นคู่ที่สวย หรือคู่ที่ทน คู่ที่ใส่สบาย ก็อยู่ที่ความชอบของเราแต่ละคนค่ะ

10 Clever and Easy Ways to Organize Your Shoes - Page 7 of 10 - DIY & Crafts
cr. Pinterest

     ก่อนอื่นอุ๋มต้องบอกเลยว่า ก่อนหน้านี้อุ๋มก็เหมือนสาวๆ คนอื่นๆ ที่ชอบซื้อรองเท้าจากความสวยงาม ความสูง เเละสีสันที่เข้ากับชุดต่างๆ ที่อุ๋มใส่เท่านั้นค่ะ อย่างว่านะคะ ผู้หญิง เวลาจะออกจากบ้านทีนึง เสื้อผ้า หน้าผม ต้องเป๊ะ และสำคัญไม่เเพ้กันเลย คือ รองเท้าค่ะ รองเท้าต้องเข้ากับชุดบ้างละ ต้องส้นสูงบ้างล่ะ บางทีสูงไปนู้นนน เดินล้มทีพิ้นแตกเป็นเสี่ยงได้

     เเต่สิ่งเหล่านี้ มักจะมีเบื้องหน้า เบื้องหลัง ความจริงที่โหดร้าย คือ รองเท้าสวยๆ ส้นแหลมๆ กับความสบายต่อการสวมใส่นั้น มักไม่ได้มาพร้อมๆกัน แถมยังสร้างปัญหากับเราอีกด้วย ใส่ไม่พอดีบ้าง ใส่เเล้วเกิดการเสียดสีจนเป็นเเผลเป็นบ้าง บางทีกัดจนพอง เดินจนเมื่อยตะคริวกินน่องบ้าง แต่การแก้ปัญหาน่ะหรอ คะ ไปนู้นนนเลยที่ปลายเหตุค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อพลาสเตอร์มาปิดเเผลที่โดนกัดบ้าง หรือ ซื้อที่กันกัดมาติดตามจุดต่างให้กับรองเท้าของเราบ้าง เเละท้ายสุดเราอาจจะได้ใส่มันเเค่เเป๊ปเดียว ซื้อมาใช้ยังไม่ทันคุ้ม เราก็ต้องโยนมันทิ้งซะเเล้วก็มีค่ะ

     อุ๋มเชื่อว่าถ้าเราจะเลือกซื้อรองเท้าสักคู่ คงหนีไม่พ้น เเบบดีไซน์ที่ ต้องทันสมัย เเละสีสันที่ต้องตา แต่จะมีรองเท้าซักกี่คู่ที่ตอบโจทย์ทั้ง ดีไซน์เเละสุขภาพ ?


     ซึ่งแน่นอนว่าสาวๆ หลายๆ คน อาจตอบว่าความสะดวกสบายจากการใส่รองเท้าเอาไว้ทีหลัง เพราะ ว่า "ความสวยต้องมาก่อน" แต่ทราบไหมคะ ว่าการที่เราเดินอยู่ในรองเท้าที่ไม่สบายนั้น จะทำให้ เสียบุคลิคจากการเดิน และยังเป็นที่มาซึ่งอาการเจ็บป่วยต่างๆ เช่น ปวดฝ่าเท้า รองช้ำ ไปจนถึงโรคกระดูกเเละข้อ เจ็บเข่า ปวดหลัง และอื่นๆ ค่ะ


     อาจจะมีหลายๆ ท่านที่ยังไม่ทราบ เหมือนก่อนหน้านี้ที่อุ๋มเองก็ไม่ทราบว่า "ปัญหา" การเจ็บฝ่าเท้าต่างๆ การเมื่อยเวลาเดิน ไปจนถึงอาการปวดหลังนั้น อาจเป็นปัญหาที่เกิดจากสรีระของเท้าเรา หรือรูปทรงขาของเรา ด้วยค่ะ การหาข้อมูลเหล่านี้ทำให้อุ๋มได้พบกับรองเท้าแบรนด์หนึ่ง ที่พยายามพัฒนารองเท้า ให้สวยใส่ทำงานได้ และยังสบายอีกด้วยค่ะ 

     ในตอนนี้ได้มีวิวัฒนาการในการคิดค้นรองเท้า และแผ่นเสริมในรองเท้า ที่สามารถปรับการรับน้ำหนักจากฝ่าเท้าให้สบายเเละตรงจุดมากขึ้น ดังนั้น ก่อนจะเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่เราจึงควรจะรู้ลักษณะสรีระของเท้าเรากันก่อนค่ะ เครื่องตรวจวัดเท้านั้นจะสามารถตรวจลักษณะของอุ้งเท้า รวมไปถึงลักษณะการยืนของเรา เพื่อที่จะแก้ปัญหาสุขภาพเท้าได้อย่างตรงจุด แบรนด์ที่อุ๋มกำลังพูดถึง คือ รองเท้าเพื่อสุขภาพของแบรนด์ ดร.คอง นั่นเองค่ะ


     ดังนั้น ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากการสวมใส่รองเท้าที่ไม่ได้ออกเเบบมาเพื่อรองรับลักษณะของเท้าเราก็จะหมดไปด้วยค่ะ

     ความสงสัยของอุ๋มหมดไปเมื่ออุ๋มได้เข้ารับบริการตรวจวัดเท้าที่ ช๊อปของ DR.KONG ที่สาขาฟิวเจอร์พาร์ค ครั้งนี้ค่ะ อุ๋มได้มีโอกาสพบกับผู้เชี่ยวชาญในการดูสรีระและหารองเท้าคู่ที่เหมาะสมกับเท้าของเราค่ะ พอวัดเรียบร้อยอุ๋มก็ได้ทราบแล้วว่า สรีระของเท้าอุ๋มนั้นเป็น แบบ High-Arch หรืออุ้งเท้าสูงค่ะ โดยส่วนที่แตะกับพื้นนั้น จะมีแค่ช่วงหน้าเท้า และส้นเท้าเลยค่ะ เรียกได้ว่าไม่มีอุ้งเท้ามาช่วยรับน้ำหนักเลย 


     ปัญหาที่ตามมา คือ อุ๋มจะสามารถเป็นโรครองช้ำ ได้ง่ายค่ะ และเดินมากๆ ก็มักจะเจ็บหน้าเท้า และเมื่อยง่ายด้วยค่ะ ส่วนสรีระของขาไม่มีปัญหาค่ะ

     นอกจากรองเท้าเป็นทางการแล้ว ทาง DR.KONG ก็มีรองเท้าแบบอื่นๆ ให้เลือกอีกหลายแบบเลยนะคะ อันนี้เป็นตัวอย่างรองเท้าสำหรับสาวๆ ที่มีหน้าเท้า กว้าง หรือ แคบ แบบต่างๆ ค่ะ มีหลายรุ่นให้เลือกเลย เท้าอุ๋มนั้นยาวมาก แต่หน้าไม่กว้างเท่าไหร่ค่ะ ใส่ระดับกลางๆ ได้ แต่ถ้าสาวๆ คนไหนมีหน้าเท้ากว้างอยากใส่รองเท้าสบายๆ ลองมาดูรุ่นเหล่านี้ได้นะคะ



     สำหรับ รองเท้า Uniform  อย่างเป็นทางการนั้นอุ๋มซื้อรุ่นนี้มาค่ะ รองเท้าคู่สีดำ ส้นสูงประมาณ 2 นิ้ว ราคา 3,390 บาท สำหรับใส่ไปทำงานค่ะ ใส่สบายมากค่ะ ไม่หนีบหน้าเท้า และถูกระเบียบสุดๆ วิธีการทำให้รองเท้านิ่มลง ให้ใช้ วาสลีน หรือ ปิโตเลียมเจล ทาตรงหนังนะคะ หนังจะนิ่ม และขยายออกเล็กน้อยค่ะ


วิธีการเติมเต็มด้านในรองเท้าส้นสูง แบบนี้จะเป็นตัวเสริมเข้าไปใต้แผ่นรองรองเท้าแบบนี้ค่ะ ของอุ๋มจะใส่เจ้าตัวนี้ลงไปใต้แผ่นรอง เพื่อให้ช่วงอุ้งเท้าเต็มขึ้นมาค่ะ


     ระหว่างดูก็เลยได้รองเท้า ผ้าใบสีเจ็บ คู่นี้มาอีกคู่ค่ะ ราคา 3,100 บาท ใส่สบายมากกกกก


     สิ่งที่ช่วยอุ๋มได้ในเรื่องอุ้งเท้าสูง คือ แผ่นรองในรองเท้าแบบนี้ค่ะ ซึ่งเป็นรุ่น Universal Plus ราคา 890 บาท เอาไปใส่ในรองเท้าของเราที่มีค่ะ แต่ต้องเป็นรองเท้ารุ่นที่สามารถถอดตัวรองข้างในออกได้นะคะหรือรองเท้ามีขนาดที่ใหญ่กว่าเบอร์ปกติที่เราใส่อยู่1เบอร์


     อุ๋มรีบถอดแผ่นด้านในเปลี่ยนใส่แผ่นรองในรองเท้าสีม่วงอันนี้ไว้เลย (ที่มีวงกลมล้อมรอบ จะเห็นว่ามี Support ช่วงอุ้งเท้าสูงกว่าค่ะ) เวลาเดินไปไหนไม่เมื่อยแน่นอน เพราะ ส่วนที่นูนนั้นขึ้นมารองรับอุ้งเท้าส่วนที่สูงมากๆ ของอุ๋มค่ะ อันนี้เอาไว้ไปออกกำลังกายเฉพาะเลยค่ะ

     สุดท้าย ในเมื่อบินเมื่อยมากนัก อุ๋มเลยจัด Arch Roller หรือ ที่บริหารอุ้งเท้า มาอีกอันด้วยค่ะ อันนี้ราคา 290 บาทค่ะ กลิ้งๆ ไปกับพื่นสบายมากกกกกก หายเมื่อยมากกก เลิฟเลยค่ะ พกไปบินด้วยเลย เวลาเดินนานๆ ต้องการคนนวดเท้า ไม่ต้องหาอีกแล้ว กลิ้งเจ้า Arch Roller อันนี้เลย สบายมากจริงๆ ค่ะ


     ถ้าเกิดรู้สึกว่าตัวเองเดินแล้วเมื่อยบ่อยๆ เมื่อยง่ายกว่าคนอื่น ลองสังเกตลักษณะเท้าของตัวเองดูนะคะ อาจจะประสบปัญหาเดียวกับอุ๋มอยู่ก็เป็นได้ค่ะ อย่ารอให้กลายเป็นอาการบาดเจ็บนะคะ เราควรดูแลเท้าของเราให้ดีค่า ถ้าสนใจสามารถเดินเข้าไปวัดเท้าที่ช๊อปของ DR.KONG ดูได้เลยนะคะ จะได้ทราบปัญหาของเรา และแก้ได้ถูกจุด เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นกันค่ะ


ลองเข้าไปดูข้อมูลของ DR.KONG เพิ่มเติมได้ตามนี้เลยนะคะ

WEB DR.KONG : http://www.dr-kong.in.th/
FB : www.facebook.com/DR.KONGFOOTCARE
IG: @dr_kong_footcare

ขอตัวไปออกกำลัง ด้วยรองเท้าใหม่ก่อนนะคะ ไปละค่าา สวัสดีค่ะ


อย่าลืมกดไลค์เพจอุ๋มกันนะคะ คลิกที่รูปเล้ยยย


6.20.2015

[HAUL] กระจุก กระจิก ที่ญี่ปุ่นค่ะ พร้อมพิกัดค่ะ :)

สวัสดีค่ะ PannitaP Blog กลับมาอัพเดทแล้วค่าาา พาคุ่นพ่อ คุ่นแม่ และน้องชายไปเที่ยวมาเมื่อต้นเดือนมิถุนยนที่ผ่านมา ถึงจะได้ไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งก็ยังคงความตื่นเต้นไม่เสื่อมคลาย เพราะ ประเทศญี่ปุ่นเหมือนมีเวทมนต์เสกอุ๋มไว้ได้ทุกครั้งเลยค่ะ 


ล่าสุดนี้ไปเที่ยว เมืองฮอกไกโด และโตเกียว มาค่ะ เลยถือโอกาสรีวิวของที่ไปซื้อมาซะหน่อย เป็น Haul เบาๆ รวมของกระจุกกระจิก ที่อุ๋มบ้าบอหอบมาค่ะ อาจจะไม่ค่อยมีเครื่องสำอางค์ซักเท่าไหร่ แต่อุ๋มช๊อบบบ ชอบ ของพวกนี้ มาดูกันนะคะ :) 


  • SCHEDULE SEAL
อย่างแรกที่อุ๋ม กระโดดดดดด เข้าไปหาทุกครั้ง คือ "Schedule Seal" หรือ เจ้าสติ๊กเกอร์จิ๋วๆ อันนี้ค่ะ คือ เป็นคนชอบเขียนไดอารี่ บันทึกทุกอย่างลงใน สมุดบันทึกประจำวันแบบมีเลขวันที่ แล้วเจ้าสติ๊กเกอร์ ใสๆ เล็กๆ นี้ จะแปะทับไปบนตัวเลขวันที่ได้เลยค่ะ คือมันน่ารักมากกกกกกกก คือแบบ 

,,,,,เอาตังค์ชั้นไปเลยยย

แผ่นละประมาณ 200 เยน ค่ะ พยายามไม่คิดเป็นเงินไทยเลย ลืมๆ หลับหู หลับตาไป บรรทุกกลับมาทุกครั้งเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ 

สถานทีช๊อป : LOFT ชั้น Stationary เลยค่ะ (ครั้งนี้อุ๋มเดินที่ชิบูย่าตรงตึก Loft & Muji ค่ะ)

  • WALL STORY
ต่อด้วยสติ๊กเกอร์ติดสวิทเปิด-ปิดไฟ ค่ะ อุ๋มว่ามันตลกดี มีหลายดีไซน็เลย เลยซื้อมา ฮ่าๆๆๆ อันนี้ใน Disney Shop ก็มีนะคะ จะเป็นตัวละครของ Disney เลยแต่แพงกว่าข้างนอกเป็นเท่าตัวเลย อุ๋มเลยสอยแต่แบบ ธรรมดาๆ มา แฮ่ๆๆ 

สถานทีช๊อป : LOFT หรือที่ DONKI ค่ะ

  • MASKING TAPE
อุ๋มบ้าซื้อเทปแบบนี้เอามาตกแต่งนู่นนี่ และไดอารี่ค่ะ อันนี้มีจากหลายๆ ประเทศทั้งญี่ปุ่น เกาหลี และของไทยเลยค่ะ ถ้าไปญี่ปุ่นก็จะช๊อปพวก MT Masking Tape อ่ะค่ะ 

ไปทุกทีมีคอลเลคชั่นใหม่ทุกที!! ให้ตายเถอะ 

สถานทีช๊อป : LOFT ค่ะ
อันนี้เป็นคอลเลคชั่น "THIS IS" ค่ะ คือแบบ อีแอร์คนนี้ บ้าไปเลยค่าาา ,,, ><" น่ารักมิ แต่ยังไม่ได้บินซักประเทศ รอก่อนนนนน :)

  • Hiyori by Coharu Label and Tape Printer
เอาอาการหนักเข้าไปอีก ซื้อที่ Printer สำหรับสติ๊กเกอร์มาเลยค่าาาา ฮ่าๆๆๆๆ หัวเราะใส่ตัวเองดังๆ อันนี้สนองนี๊ดสุดๆๆ ตอนซื้อก็สื่อสารกันไม่เข้าใจ อยากได้เลยจัดมา เอามาจิ้มๆ มั่วๆ เสียเทปไปเยอะ แต่สนุกน๊าา 

PROs
- มันตั่ลล๊าคคค อ่ะ 
- พิมพ์ง่าย มีภาษาอังกฤษ ตัวเล็ก ตัวใหญ่ ตัวเลข และ Symbol ต่างๆ (หัวใจ ดาว ฯลฯ) 

CONs
- เมนูภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ไปยันวิธีการใช้ ข้างกล่อง ทุกสิ่งเป็นญี่ปุ่นค่ะ ฉลาดระดับ -10 แบบนี้กดมั่วอย่างเดียวเลยฮะ 
- รุ่นนี้เปลืองสติ๊กเกอร์เป็นอย่างมากใช้รุ่น ออริจินัล ดีกว่าค่ะ เพราะว่ารุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อให้สติ๊กเกอร์ถูกตัดเป็นรูปต่างๆ ได้ เดี๋ยวจะมารีวิวตัวเครื่องต่างหากน้า 
- ราคาสูง 
- สติ๊กเกอร์ต้องใช้เฉพาะของเค้าเท่านั้นค่ะ 

สรุปปป ซื้อมาทำไมเนี้ยย อุ๋มมมมมมมมเอ๊ยยยยย 

สถานทีช๊อป : ร้าน Stationary อยู่ตรง Rinku Town เมืองโอซาก้าค่ะ


อุ๋มมีโอกาสได้ขับรถไปเที่ยว ฟาร์ม TOMITA บนเกาะฮอกไกโดค่ะ แต่แหม๊ ไปตอนดอกไม้ยังไม่บาน มันน่าร้องไห้นัก!! จริงๆ ที่เห็นนั่นควรจะเป็นดอกไม้บานสะพรั่งเต็มสุดลูกหูลูกตานะคะ แต่ไปแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยวเลยค่ะ สิ่งที่อุ๋มได้มาจากการไปฟาร์ม คืออออ
1. ไอติมลาเวนเดอร์ ค่ะ ฮ่าๆๆๆ อันนี้ควรค่าแก่การลองนะ อร่อยดี แปลกดี ไม่คิดว่าจะเป็นรสนี้ :) ตรงฟาร์มมีร้านอาหารด้วยนะคะ Croquette อร่อยเหาะค่ะ ฟาดดดดดไปหลายชิ้นอยู่!!

    2. ยาทาเล็บสีม่วงลาเวนเดอร์ ค่ะ ที่สำคัญกลิ่นเป็นลาเวนเดอร์ผสมกลิ่นแลคเกอร์ด้วยนะ แฮ่ๆ คือชอบสีม่วงอยู่แล้ว เลยจัดมาค่ะ สีน่ารักด้วย 

    ราคา 9xx เยน ค่ะ แอบแพงเลยล่ะ หึ :')

    แต่สีสวยเลยยยเห็นไม๊???? เข้าข้างเค้าหน่อยนะ เสียตังค์ไปแล้ว T-T แฮ่ๆๆๆ

    3. MASKING TAPE ลายลาเวนเดอร์ค่ะ ฮ่าๆๆๆ ไม่พ้น ของจุกจิกตามเคย อันนี้เป็นลายลาเวนเดอร์เลยซื้ออออออ

    ** งานกินมาแทรกก อันนี้ไปฟาดด ราเม็งข้อสอบมาค่ะ อร่อยยย ฟินน **
    ใครไปญี่ปุ่นส่วนไหน ให้ลอง Search หา ICHIRAN RAMEN ดูนะคะ

    .... เดินต่อมาที่ LOFT สาขา SHIBUYAชั้น BEAUTY กันบ้างค่ะ

    • DHC DEEP CLEANSING OIL
    อันนี้ใครไม่กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด บ้างคะ? 

    คืออุ๋มแบบ มีอยู่ที่บ้าน 3 ขวดใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้แกะ ยังพุ่งหน้าเข้าไปตำ เลยค่ะ แบบทนไม่ไหวล้าววววแกร!!น่ารักมากไปไม๊ อะไรแบบนี้ ฮ่าๆๆ คือ ชอบเจ้าหญิงมาก แม้จะไม่เหมาะกับหน้าตา แต่ชอบจริงๆนะ!! นี่สอยมาแค่ 1 เพราะ เกรงใจกระเป๋า เดี๋ยวใช้หมดละค่อยเอาอี 3 ขวดที่นอนรออยู่บ้านกรอกใส่ละกัน ฮ่าๆๆๆๆ

    ที่สำคัญ คือ ล้างดีมากกกๆๆๆ ค่ะ
    • CHULIPS
    อันนี้ที่ไหนก็มีขายค่ะ เป็นลิปหน้าตาละม้ายคล้ายเจ้าไข่ EOS ค่ะ ตอนนั้น EOS หมดพอดีเลยซื้อเจ้านี่มาแทน ราคาประมาณ 500 เยน ค่ะ คุณภาพใช้ได้เลย กลิ่นหอม มีให้เลือกหลายกลิ่นด้วยค่ะ
    อุ๋มสอยสีแดง กับสีม่วงมา เอาจริงๆ ยังจำไม่ได้เลยว่า กลิ่นอะไร ฮ่าๆๆ จำได้ว่าทุกอันหอมคล้ายๆ กันหมด

    หาซื้อได้ที่ LOFT, BIC CAMERA, DONKI และที่อื่นๆ อีกหลายที่เลยค่ะ

    • LEG SLIM SLIPPERS
    อันนี้เป็นรองเท้าใส่เดินในบ้าน มีคุณสมบัติช่วยลดน่องค่ะ จริงไม่จริง อันนี้ไม่รู้เลยยยย ลองใส่ได้วันนึงเมื่อยมากค่ะ แบบพอสวมปุ๊บจะเหมือนใส่ส้นสูงเดินในบ้านอะค่ะ คือส้นเท้าไม่แตะพื้น แต่นุ่มนิ่มนะ มีหลายรุ่นเลย เช่น รุ่นสำหรับแก้ไขท่าเดิน หรือแก้ไข้ลักษณะขาของเรา ส่วนรุ่นนี้เป็นรุ่น Be-Slim ค่ะ จินตนาการว่าช่วยลดขานะคะ ฮ่าๆๆๆ

    ซื้อของแบบอ่านไม่ออกนี่ยากจริงๆ T-T

    ราคา 1000 เยนค่ะ
    • DHC Suncut Q10 Aqua Gel
    กันแดดอีกแล้วค่า ซื้อเพราะอะไรไม่ต้องสืบบบ ฮ่าๆๆๆ Alice in Wonderland "Goodness Me" แบ๊วๆ SPF 50+ PA+++ แต่อันนี้ใช้แล้วเหนียวละ T-T ฮือออ คือเนื้อหนึบๆ แบบกันแดดเลย ไหนบอก Aqua Gel ไงงงงง

    ปลื้มหน้าตา ไม่ปลื้มเนื้อค่ะ เอากลับมาใช้ที่ไทยแล้วแบบ หน้าเหนียวอ่ะเธออออ

    โดนไป 1,200 เยน ค่ะ ซื้อ Alice ละกันนน อันนี้ยังคงอยู่ที่ LOFT นะคะ มีกันแดดประมาณ 100 แบรนด์ได้ ลองไปเลือกกันดูเลยยยย
    • ETTUSAIS Herbal UV Jelly SPF50+ PA++++ (บวกเยอะมากค่ะ)
    กันแดดหลอดต่อมาค่ะ อันนี้ปลื่มละ โอเครรรรรเลยยยย เนื้อบางเบาในขณะที่ SPF สูงส่งแบบนี้ ราคาก็ไม่แรงมาก แต่ลืมแล้วว่าเท่าไหร่ จำได้ว่าถูกกว่า DHC Alice หลอดบน ทาแล้วซึมไปในผิวเลยค่ะ ชอบๆ ถ้ามีโอกาสไปลอง อันนี้เชียร์นะคะ ที่ไทยยังไม่ได้แอบไปดูเลยว่ามีรึยัง

    เดี๋ยวขอแวะไปเคาท์เตอร์ ettusais แพร้บบบบ ของน่ารักๆ เพียบบบ ค่าา

    ** พกกล้อง Xiaomi ตัวน้อยไป Selfie บูวเบาตลอดทางง แฮ่ **

    ย้ายร้านไปที่ DONKI แหล่งรวบรวมของถูกกกกกกกกกกก

    • ที่ขูดลิ้น
    ใครๆ ก็ปากเหม็นได้!! ถ้าไม่ขูดลิ้นค่ะ ลิ้นเราเป็นแหล่งรวมกลิ่นเลย เพราะฉะนั้นเลยต้องเตือนตัวเองเสมอว่าแปรงฟันแล้วต้องขูดลิ้นด้วย ถ้าไม่มีที่ขูดลิ้นก็ต้องแปรงลิ้นด้วยนาาา เวลาจะไปเสิร์ฟผู้โดยสารนี่ดมปากตัวเอง ดมแล้วดมอีก กลัวผู้โดยสารเป็นลมไปค่าาา 

    ราคาลืมแล้ววก่ะ
    • ที่ปิดตาแบบมีกลิ่นหอม และอุ่น :)
    อันนี้อุ๋มปลื่มปริ่มมาก ต้องขออ้างอิงก่อนว่า เวลาบินไฟลทนานๆ แล้วต้องนอนบนเครื่องอุ๋มมักจะนอนไม่หลับค่ะ แม้จะเหนื่อยร่างแหกไปแล้วก็เถอะ แต่เจ้าที่ปิดตานี่นอกจากจะช่วยบังแสงได้ส่วนหนึ่ง (ไม่ดีเท่า Slumber Shade ปกติ) แต่ก็เวิร์คพอสมควรค่ะ ที่เลิฟฟฟ คือ มีกลิ่นเบาๆ อุ๋มซื้อกลิ่นลาเวนเดอร์ กับกลิ่นส้มมาค่ะ ส่วนตัวตรงเรื่องกลิ่นนั้นอุ๋มเฉยๆ แต่ที่เลิฟที่สุดคือ ตัวมาร์สปิดตาอันนี้จะอุ่นขึ้นเวลาเราแกะออกมาใช้ค่ะ***** 

    แต่แม่บอกว่ามันจะทำให้ตาเหี่ยวไม๊ ถ้าใช้ตลอด อันนี้ยังไม่ทราบค่ะ 

    รู้แต่ว่าช่วยให้หลับได้ง่ายๆ เลยล่ะ อุ๋มเลยฟาดดดดมาอย่างเยอะ แต่ครั้งหน้าจะลองซื้อแบบไม่มีกลิ่นดู อันนี้อุ๋ม ซื้อกล่องใหญ่ค่ะ มี 10 ซองเล็ก ความร้อนหมดไปเมื่อใช้ ครั้งเดียวนี่ละค่ะ แต่บางทีก็ใช้ 2 ครั้งนะ ไม่ร้อนก็ยอม แกะบ่อยๆ กลัวหมดอีก T-T

    ราคา กล่องละประมาณ 900 กว่าเยนค่ะ (ที่ดองกี้ถูกสุดแล้วที่ลองเทียบราคานะคะ ใครมีที่ไหนถูกกว่านี้บอกด้วยยยน้าา คือคงต้องซื้อตลอดๆๆ)

    • G Long-Keep Gel Wet & Hard
    อันนี้ของคุณผู้ชายที่บ้านค่ะ เอาไว้ให้เซ็ทผม หรือบางทีก็แอบใช้เองตอนทำผมไปบิน วันที่ อยากหัวเรียบมากๆ เอาอยู่สุดๆๆ ค่ะ 
    • Diamond Lash
    อุ๋มชอบขนตาปลอมที่มีเส้นขนสีน้ำตาลค่ะ คือ แบบ น่ารักอ่าาา :) อันนี้เน้นธรรมชาติๆ ค่ะ ติดง่ายมากก บางเบามาก เลิฟฟ แต่ว่าไม่เคยซื้อแบรนด์เดิมซ้ำเลย เพราะ เดินเลือกทีไร ได้ของใหม่ตลอดดดด !!! 

    นอกนั้นนนนนน เป็น ขนมๆๆๆๆๆๆ ล้วนนน ค่ะ ส่วนเครื่องสำอางขออนุญาตแยกกระทู้เลยยย เพราะว่า ไม่งั้นทู้นี้แตก ยาวยืดดเยื้อแน่นอนน ยังไงจะรีบกลับมาอัพเดทนะคะ :) จะยกของหลายๆ ทริปมารีวิวเลยน้าา ส่วนด้านบนนี้ขนมค่ะ หอบมาทุกครั้ง ใครไปญี่ปุ่นแล้วไม่กินขนมได้นี่เก่งมากกกเลยอ๊ะ อุ๋มชอบทุกอย่างเลย บินๆ ไปนี่น้ำหนักขึ้นมากกว่าประสบการณ์ชีวิตอีกนะ ฮ่าๆๆ

    หวังว่าคงชอบบล๊อกนี้กันนะคะ ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะคะ <3 สวัสดีค่าาา

    6.17.2015

    OUMM's JUNE 2015 Favorite of Everything

              สวัสดีค่ะ PannitaP Blog บล๊อกนี้ขอยกทุกอย่างที่ อุ๋มชอบ และเลิฟฟ เป็นอย่างมากในแต่ละ Category มาเลย อาจจะไม่ครบทุกอย่าง แต่เป็นของที่ชอบจริงๆ ล้วนๆ ค่ะ เอาล่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว เริ่มเลยละกันนะคะ บล๊อกนี้ยาวนิดนุงนะ แต่หวังว่าคงชอบกันค่ะ :)

    • ESSENCE / MOISTURIZER


              อุ๋มเลือก Neotrogena Hydro Boost Essence ตัวนี้เลยค่ะ เคยรีวิวไว้แล้วในบล๊อก ตาม Link นี้เลยค่ะ ใช้มาได้เดือนนึงแล้ว แฮปปี้ขั้นแม๊กซ์ใช้แค่ครั้งละปั๊มหลังล้างหน้า อุ๋มใช้ทั้งเช้าก่อนนอนเลย โดยใช้เป็นขั้นตอนแรกในการแต่งหน้าทุกๆ ครั้ง และหลังล้างหน้าก่อนนอนค่ะ ติดตัวไปทุกที่ได้เลยเพราะขวดไม่ใหญ่มากค่ะปกติอยู่ไทย อุ๋มใช้ตัวนี้ตัวเดียวก็เอาอยู่ค่ะ ไม่เหนียวเหนอะ ซึมง่ายมากๆ ค่ะ

              แต่ถ้าช่วงที่หน้าแห้ง หรือช่วงที่บินยุโรป หรือไปที่หนาวๆ ก็ต้องพกตัวอื่นๆ ไปด้วย สำหรับสาวๆ ที่มีผิวผสมถึงผิวมันแบบอุ๋มเวิร์คเลยค่ะ แต่ถ้าสาวผิวแห้งอาจจะต้องเพิ่มการดูแลขั้นตอนอื่นๆ อีกนะคะ เพราะอาจจะม๊อยซ์ไม่พอ แต่อุ๋มขอจบที่ตัวนี้ละ ช๊อบชอบค่ะ
    • FACIAL SUNSCREEN


              อุ๋มเลือก MizuMi ตัว UV Water Serum 100% non-chemical ปลอดสารเคมี หลอดนี้เลยค่ะ เนื้อกครีมกันแดด เป็นเนื้อคล้ายเจลครีมสีขาว ทาแล้วลื่นปรื๊ดๆ เพราะเป็น Water base บางเบาเหมือนน้ำ ไม่เหนียวเนอะหนะ เหมาะกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของบ้านเรามากๆๆๆๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่อุณหภูมิสูงถึง 40 องศา แบบนี้!!

              ความรู้สึกที่ได้ใช้มิซูมิครั้งเเรก บอกได้เลยว่า รู้สึกเเตกต่างจาก ครีมกันเเดดยี่ห้อตามห้างต่างๆในบ้านเรา เนื้อครีมมีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร ซึมเข้าผิวหนังเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ จากการทดสอบระหว่างวัน ในวันที่เเดดร้อน ก็ไม่ได้รู้สึกผิวหน้าหนาเเละเหนียวเนอะหนะอย่างที่ ครีมกันเเดดที่มีค่า SPF สูงๆ มักจะเป็น          โดยรวมถือว่าเป็นครีมกันเเดดที่ คุ้มค่าเเละควรมีไว้ติดกระเป๋ามากๆ ค่ะ ลงมติทั้งอุ๋มและแฟนค่ะ เริ่ด!!!!!!

    • PORE PRIMER


              เจ้าหลอดจิ๋วแต่แจ๋วนี้ มาจากแบรนด์เกา Etude House เลยค่ะ มีชื่อว่า Goodbye Pore Ever เป็น Pore Primer ราคาน่ารักๆ ค่ะ อุ๋มใช้ทุกครั้งก่อนลงรองพื้น ช่วยปกปิดรูขุมขน และปรับสภาพผิวหน้าได้ดีระดับนึงเลยค่ะเหมาะกับสาวที่มีปัญหาผิวไม่มากนะคะ คุณภาพเด็ก กลบรูขุมขนได้ปานกลางค่ะ

              ชอบขนาดหลอด และดีไซน์น่ารักๆ มีใครเคยลองใช้หรือยังคะ 

    • FACE ILLUMINATOR


              สำหรับตัวช่วยเพิ่มความวาวของใบหน้า ลดไวของป้า ช่วงนี้อุ๋มใช้ Mille Beaute ตัว Rose Aura Collagen หลอดนี้เลยค่ะ เนื่องจากเลิฟๆๆๆ กลิ่นกุหลาบัลแกเรียนอ่อนๆ และความแวววาวของตัว เนื้อครีมตัวนี้มาก ทาแล้วหน้าออร่า วิ๊งๆ ตามชื่อของผลิตภัณฑ์เลยค่ะ บรรจุภัณฑ์ก็สีน่ารัก น่าเลิฟ น่าพกเป็นที่สุด อุ๋มมี 2 หลอดแล้วค่ะ เพราะ ขาดไม่ได้จริงๆ ค่ะ

              วิธีการใช้ อุ๋มใช้ผสมกับ Foundation ที่ใช้ประจำแล้วทาพร้อมกันในขั้นตอนเดียวได้เลย 

              เนื้อของ Rose Aura Collagen ออกสีขาวอมชมพูมี Glitter เนื้อละเอียดผสมอยู่ ทำให้เนื้อครีมดูแวววาวมาก เวลาแต่งหน้าเสร็จถึงแม้จะลงแป้งฝุ่นทับแล้วก็ยังเหลือความวาวอยู่ค่ะ สำหรับสาวๆ ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หน้าดู Glow และ Dewy ลองชิ้นนี้เลยนะคะอุ๋มขอสนับสนุนค่ะ 


    • FOUNDATION


              หลังๆ มานี้ใช้รองพื้นยี่ห้อ Dior มาตลอดเลยค่ะ ขวดนี้เลยไม่เปลี่ยนใจแล้ว ตัวนี้คือ Capture Totale Serum de Teint SPF 15 เป็นรองพื้นเนื้อเซรั่มมีกันแดดผสมเล็กน้อยค่ะ อุ๋มชอบเนื้อ และน้ำหนักของรองพื้นตัวนี้ค่ะ ปกปิดดีพอสมควร Low-Medium Coverage ค่ะ ไม่เบาเกินไป ทาแล้วเรียบเนียนไปบนผิว ทิ้งความรู้สึกนวลๆ เนียนๆ ไว้ค่ะ ติดทน สำหรับผิวอุ๋มระหว่างวันไม่ดรอป และไม่เป็นคราบเลยด้วยค่ะ

              วิธีการใช้ อุ๋มบีบใส่หลังมือและวอมเนื้อรองพื้นด้วยนิ้วนางและกลางข้างที่ถนัดละค่อยๆ ป้ายลงบนผิวหน้าทีละจุด แล้วเกลี่ยเลยค่ะ หลังๆ มาใช้ Beauty Blender หรือ ฟองน้ำ ก็ได้ผลดีเช่นกันค่ะ (แต่แบบเสียดายไงเลยใช้นิ้วเนี้ยละ ใช้ให้หมดทุกหยดดดด กลัวติดฟองน้ำ

              อุ๋มใช้เบอร์ 020 Light Beige ค่ะ ขวดนี้ 30ml ตอนซื้อประมาณ 60 ปอนด์ ค่ะ ราคาเคาท์เตอร์ที่ไทยต้องขอเช็คอีกทีนึงนะคะ

    • BALM / OINTMENT


              Lucas' Papaw Ointment หรือ "ไอ้แดง คือ ชื่อเล่นที่อุ๋มเรียกเจ้าหลอดนี้ค่ะ อุ๋มทำความรู้จักกับ "ไอ้แดง" ครั้งแรกตอนบินไป ณ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียค่ะ คือ ใครๆ ในไฟล์ทก็ใช้กัน พี่ๆ แอร์ สจ้วต พกกันทุกคนอุ๋มก็เลยอยากทราบว่าเป็นอย่างไร เลยลองหาซื้อดูค่ะ หลอดนึงราคา
              
              ตอนแรกที่ลองใช้เลยรู้สึกว่ามัน เหม็น และ เหนียว ค่ะ แต่ปรากฏว่าพอรู้จักกันไปซักพักมันดีมากเลย มันเวิร์คกับทุกอย่าง ตอนแรกก็กะไว้ทาเวลาปากแห้ง หลังๆ มือแห้ง จมูกเล็บแข็ง ไปจนถึงแมลงสัตว์กัดต่อย คันๆ ก็เอาไอ้แดงนี่ละค่ะมาทา กลายเป็นไปทุกครั้งซื้อทุกครั้ง เพราะ ขาดไม่ได้ไปแล้วค่ะ เป็นบาล์มสารพัดประโยชน์ของอุ๋มเลยค่ะ

              หลังๆ มาที่ไทยเริ่มเอาเข้ามาขายแล้ว ยังไงถ้าอยากลอง ซื้อหลอดเล็กๆ มาลองดูก่อนก็ได้นะคะ ตอนแรกอาจจะตกใจกลิ่นนิดหน่อย แต่พอชินแล้วจะเลิฟกันแบบอุ๋มแน่นอนค่ะ

    • BROW MASCARA


              ที่ปัดย้อมขนคิ้ว อุ๋มเลือก Mille Beaute ตัว 3D Brow Mascara สี Dark Brown แท่งนี้เลยค่ะค่ะ ชอบตรงหัวแปรงที่ยาวข้าง สั้นข้าง วันไหนที่แต่งหน้าอ่อนๆ หรือ ลุคธรรมชาติ อุ๋มขาดตัวนี้ไม่ได้เลยค่ะ ใช้ปัดขนคิ้วหนาๆ ของอุ๋ม คิ้วจะดูเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น และทำให้ขนคิ้วสีอ่อนลง หน้าก็จะซอฟท์ลงค่ะ

              วิธีการใช้เหมือน Brow Mascara ตัวอื่นๆ เลย ปัดย้อนเส้นขนเพื่อย้อมสีของขนคิ้วก่อน แล้วจึงปัดตามแนวเส้นขนเพื่อจัดระเบียบคิ้วค่ะ

    • PERFUME / COLOGNE

    A British tradition...afternoon tea. A fragrance with a burst of bergamot, distinct to Earl Grey, and the cool succulence of crunchy cucumber. Counterpoised with a sweet base of beeswax, vanilla and musk. Reviving and refined.
              คิดว่าเห็นขวดที่คุ้นเคยแบบนี้แล้วต้องทราบแน่นอนว่า คือ Jo Malone ค่ะ อันนี้สืบเนื่องมาจากคุณแม่ชอบน้ำหอมแบรนด์นี้มากๆ อยู่แล้ว คือ ถ้ามีโอกาสได้ไปช๊อปด้วยกัน แม่จะพุ่งตัวดมน้ำหอมเจ้านี้ก่อน เพราะกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ค่ะ และความสนุกอยู่ที่เราสามารถเลือกกลิ่นต่างๆ ที่เราชอบมาฉีดด้วยกัน ก็จะได้กลิ่น Mix กลิ่นใหม่ขึ้นมาอีก ก่อนหน้านี้ก็ฮิตพกหลายๆ ขวดค่ะ แต่หลังๆ หมดบ้าง กลัวลืมไว้ตอนไปบินบ้างเลยพกขวดเดียวนี่เลยค่ะ 

              อุ๋มชอบมากๆ อยู่ 2 กลิ่น คือ English Pear และ กลิ่นนี้ คือ Earl Grey & Cucumber ค่ะ ขวดนี้กลิ่นสะอาด ฉีดแล้วสดชื่น พอกลิ่นอ่อนลงฉีดซ้ำอีกก็ไม่เป็นที่รำคาญค่ะ เพราะว่ากลิ่นไม่แรงเกินไปเลย ชอบมาก อันนี้เป็นข้อมูลจากเว็บ Fragrantica นะคะ ว่ามีโน๊ตตัวไหนบ้างในน้ำหอมขวดนี้ค่ะ

    Earl Grey and Cucumber is a playful interpretation of the most famous English tea brand, made from black tea, bergamot and citruses. The composition opens with apple, bergamot, jasmine and aquatic notes, with cucumber, angelica and davana in the heart, on the base of vanilla, bees wax, cedar and musk. (cr. FRAGRANTICA)

              โดยปกติอุ๋มช๊อปน้ำหอมใน Duty Free Shop ราคาขวดไซส์เล็ก -30ml นี้ เป็นโคโลญ ราคาประมาณ 2,xxx ค่ะ ถ้าช๊อปเมืองนอกก็ถูกกว่านี้อีก แต่ไม่ทราบราคาในช๊อปเลย เพราะไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเดิน ยังไงขอราคาคอนเฟิร์มจากสาวๆ นักช๊อปอีกทีนะคะ :)

    • BODY LOTION


              แน่นอนว่าหากนึกถึงครีมทาผิแล้วนั้น คงต้องนึกถึงยี่ห้อนี้กันค่ะ อุ๋มเลือก Body Lotion with Vitamin E, Jojoba & Shea butter จาก Bath & Body Works กลิ่น Japanese Cherry Blossom ใน Signature Collection ของเค้าค่ะ หอมสะใจมากกก หอมสะพรึ่งอารมณ์ คือ หอมหวานรันจวนใจเป็นอย่างยิ่ง ใครที่แพ้ความหอมขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงเลยค่ะ เพราะว่าตัวนี้หอมมาก หอมติดผิวเลย ทาที่ไทยอาจจะเหนียวไป เพราะอุ๋มเป็นโรคกลัวความหนึบหนับ อุ๋มเลยเก็บไว้ใช้ทาช่วงที่ผิวแห้งหนักๆ เท่านั้นค่ะ เพราะฉะนั้น ขวดแลกใช้สมัยอยู่ที่อเมริกา และนี่ขวดที่ 2 ตั้งแต่เริ่มบินมา ยังใช้ไม่หมดซะทีค่ะ

              ขวดนี้ขนาด 236 ml ราคาไม่ทราบเลยค่ะ ได้เป็นของขวัญตลอด เพราะทุกคนรู้ว่านี่คือกลิ่นโปรดสุดๆ ของอุ๋มค่ะ

    • FACIAL MASK

              มาแรงที่สุดในตอนนี้ คงต้องเป็น My Beauty Diary Mask ค่ะ ที่อุ๋มชอบที่สุดค่ะ เพราะ อุ๋มชอบความบางของแผ่นมาร์ส ทำให้กระชับรูปหน้า รู้สึกแปะโดนทุกส่วนของใบหน้า กลิ่นของมาร์สหอมละมุนทุกสูตร และใช้แล้วหน้านุ่ม เด้งดึ๋งๆ ทุกสูตรด้วยค่ะ วันไหนหยิบมาผิด ก็ไม่ต้องกลัว ใช้ได้แน่นอน อุ๋มมาร์สสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เลยค่ะ 


              อุ๋มใช้ได้ทุกสูตรเลย แฮปปี้หมด* ที่สำคัญหาซื้อง่ายมากกกกก ที่วัตสัน บู๊ทส์ ท๊อปส์ ที่ไหนก็มี สบายเลยค่ะ วันไหนลืมพก ก็แวะซื้อ แต่ส่วนมากมีติดตัวไว้ทุกกระเป๋าเดินทาง วันไหนบินเหนื่อยๆ เอาแผ่นมาร์สแช่ตู้เย็นไว้ ก่อนล้างเครื่องสำอาง และอาบน้ำ พอก่อนนอนเอามามาร์สเท่านั้น ...


              ได้เรื่อง!!! ตื่นเล้ยยยย เอร๊ยย ไม่ใช่ล่ะ!! จะรู้สึก สดชื่นมากๆ ค่ะ ลองดูนะคะ heart emoticon



              สาวๆ ชอบสูตรไหนเป็นพิเศษไหมคะ จะได้ไปซื้อมาลองอีก หรือมีเคล็ดลับการมาร์สหน้า ก็มาแชร์กันได้เลยนะคะ


    • TONER


              ณ จุดนี้อุ๋มใช้ L'oreal Paris ขวดนี้เลยค่ะ รุ่น White Perfect เป็น Whitening & Moisturizing Toner อุ๋มจะใช้สำลีชุบ Toner ตัวนี้เช็ดๆๆ ให้ทั่วใบหน้าหลังล้างหน้าสะอาดแล้ว ทั้งเช้าและก่อนเข้านอนค่ะ ชอบตรงที่ทำให้ผิวรู้สึกชุ่มชื่นขึ้น และเนื้อเบาๆ ทำให้ไม่เหนียวเหนอะหน้า และยังช่วยในการผลัดผิวชั้นนอก ด้วยสาร Pro-Exfoliatine ด้วยค่ะ

              ขวดนี้ขนาด 200ml นะคะ เวลาไปบินอุ๋มจะแบ่งใส่ขวดเล็กๆไปใช้ค่ะ แต่ตอนนี้กำลังจะหมดขวดแล้ว เลิฟอยู่ค่ะ ราคาก็น่ารัก และหาซื้อง่ายด้วยค่ะ

    • MAKEUP REMOVER


              ยังอยู่ที่ L'oreal Paris ค่ะ ตัว Gentle Lip and Eye make-up remover for waterproof make-up ตัวนี้ เริ่ดดดดดดดดดดดด คาดว่าคงเคยใช้กันอยู่แล้ว เพราะหาซื้อง่ายมากกก ราคาดีมากกก เอาจริงๆ ซื้อทีละอย่างน้อย 5 ขวด เพราะกลัวหมด กลัวลืม กลัวหาย ไม่มีไม่ด๊ายยยยย มาสคาร่าหนาเตอะ ก็เอาอยู่ค่ะ และแน่นอนว่าอุ๋มใช้ทุกอย่าง waterproof หมด ถ้าที่ล้างเครื่องสำอางไม่เวิร์คพอ คือ พัง!! ตาต้องเหี่ยวจากการถูไถๆๆ แน่นอนค่ะ อุ๋มเลยใช้ขวดนี้นี่ละ

              ชุบสำลีด้วยน้ำยา และปะทิ้งไว้บนตาทั้ง 2 ข้าง หรือส่วนที่ใช้เมคอัพเยอะๆ ได้เลยค่ะ เสบยมาก แล้วเวลาล้างค่อยๆ ถูออกนะคะ อย่าขยี้แรงๆ ผิวจะเสียได้ แต่ใครที่แพ้น้ำมันตัวนี้ไม่แนะนำนะคะ เดี๋ยวหน้าจะเป็นผื่นได้ค่ะ 



    อ๊ายยย หมดแล้ว จบเร็วจังงไม่เป็นไรเดี๋ยวเดือนหน้ามาใหม่นะคะ มีของใหม่ๆ มาเล่นและมาโชว์เสมอน้า บล๊อกหน้าเจอกัน กับ "what OUMM bought in Japan" นะคะ :) <3

    อย่าลืมกดไลค์เพจอุ๋มได้ที่