3.31.2015

[Review] ทำทรีตเม้นท์ Code Of White Plus กับ ROMRAWIN

 แห่ะๆ วันนี้ขอมาอัพบล๊อกสั้นๆ อัพเดทถึงวิธีดูแลผิวล่าสุดของอุ๋มกันซักนิดค่ะ ด้วยหลังๆ ดูแลตัวเองน้อยมาก ผิวหน้าพังค่ะ จัดได้ว่าพังมากก อุ๋มจึงเลือกไปทำทรีตเม้นท์ดูแลผิวหน้ากับ Romrawin Aesthetic Clinic หรือ รมย์รวินท์คลินิก ค่ะ สาขาที่อุ๋มใช้บริการประจำคือ สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิตค่ะ

โปรแกรมที่อุ๋มเลือกทำในครั้งนี้ คือ Code Of White Plus ค่ะ
 

เพราะ ผิวอุ๋มเริ่มมีปัญหา สีผิวไม่สม่ำเสมอจากจุดด่างดำ ซะแล้ว เนื่องจากเวลาไปเที่ยวเจอแดดเยอะเดินกลางแจ้งบ้าง หนาวมากอยากตากแดดบ้าง พอกลับมาที่ไทยก็เจอแดดเมืองไทยร้อนจัดอีก ถึงแม้ว่าจะใส่หมวก ใส่แว่น กางร่ม ทาครีมกันแดดปกป้องก็แล้ว ก็ยังหนีไม่พ้น 

ผิวร้องไห้ ผิวไม่ไหวแล้ว ก็เลยต้องขอลองโปรแกรม Code Of White Plus ที่เป็นโปรแกรม 3 in 1 เสริมประสิทธิภาพการลดเลือนรอยดำบนผิว ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีลดเลือนเม็ดสีใต้ผิวที่ใช้เลเซอร์ช่วยให้เม็ดสีเมลานินที่สะสมอยู่ใต้ผิวเกิดการกระจายออก ทำให้สีค่อยๆ จางลงและไม่เป็นอันตรายต่อผิวชั้นนอก เสริมกับการทำงานของทรีตเม้นท์เข้มข้น ที่ทำให้จุดด่างดำลดลง และผิวขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ  

โดยขั้นตอนของโปรแกรมตามนี้เลยค่ะ


เริ่มต้นด้วยคลีนผิว และใช้กระแสไฟฟ้าผลักวิตามินเข้าผิว เพื่อขจัดรอยดำคล้ำที่ผิวชั้นนอกให้หลุดออกไป รู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยว่าหน้าใสขึ้น ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีค่ะ

หลังจากนั้นคุณหมอก็จะเข้ามาทำเลเซอร์หน้าให้ (อุ๋มไม่ได้ถ่ายรูปไว้ค่ะ) โดย ใช้หัวเลเซอร์กวาดรอบๆ ใบหน้าเลยค่ะ และจะเน้นช่วงผิวหน้าที่มีปัญหาเป็นพิเศษ คือ ช่วงหน้าผากของอุ๋มค่ะ เพราะอุ๋มชอบแกะสิวมากกก!!! ก็มันคันไม้ คันมืออ๊ะ แล้วเป็นไง เป็นรอยดำเต็มมม ต้องมารักษานี่ไง T-T ร้องไห้แพร้บบบต่อไปจะไม่แกะแล้วฮับ สัญญาาา

หลังจากเลเซอร์เสร็จแล้ว


ก็มานอนมาร์สหน้าเย็นๆ เพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ต่ออีก 15-20 นาที หลังจากนั้น ทาครีมบำรุง และทากันแดด เท่านี้ก็เรียบร้อยค่ะ หน้าจะใสขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้อุ๋มทดลองใช้ที่เช็ดเครื่องสำอางสำหรับตาและปากของ Romrawin Clinic ด้วย ก็เวิร์คมากเช่นกัน เช็ดออกรวดเร็ว ไม่แสบตา
ส่วนสกินแคร์ตัวอื่นๆ ของ Romrawin Clinic อุ๋มชอบ สบู่ล้างหน้า และครีมกันแดด ค่ะ

มาดูผิวหน้าหลังจากทำทรีตเม้นท์ครั้งแรก มาได้ 4 วัน กันค่ะ 

แฮปปี้มาก!!! 

นี่ผิวหลังการทำค่ะ ผิวสดๆ NO FILTER รอยสิวที่หน้าผากก่อนหน้านี้ คือ น่ากลัวมาก T-T



ขออภัยในความโทรม และใต้ตาคล้ำ จากการบิน แต่ผิวหน้า คือ ฉ่ำ คือ โอเคเลย และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยนะคะ จากประสบการณ์ที่ทำมา :) ชอบค่า เดี๋ยวไปทำอีก และจะมาอัพเดทเรื่อยๆ นะคะ และอุ๋มได้ทดลองใช้ที่เช็ดเครื่องสำอางสำหรับตาและปากของ Romrawin Clinic ด้วย ก็เวิร์คมากเช่นกัน เช็ดออกรวดเร็ว ไม่แสบตา ส่วนสกินแคร์ตัวอื่นๆ อุ๋มชอบ สบู่ล้างหน้า และครีมกันแดด ก็ใช้อยู่เช่นกันค่ะ


โปรแกรม Code of White Plus นั้น
ค่าบริการอยู่ที่คอร์สละ 35,000 บาท / 5 ครั้ง ค่ะ

การรักษาครั้งนี้อุ๋มจ่ายค่ารักษาเอง คุณแม่ก็ลงคอร์สที่นี่ด้วยเหมือนกันค่ะ ชอบมากจนต้องมาบอกต่อเลยค่ะ

ติดตามผลต่อเนื่องได้ที่เพจของอุ๋ม คลิกที่รูปเลยย

www.facebook.com/pannitapblog
 
แล้วเจอกันใหม่บล๊อกหน้านะคะ สวัสดีค่า :) <3

[FOODie] สั่งอาหารกับ FOODPANDA

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นกราบขอประทานอภัยที่หายตัวววว ไปเลยทั้งเดือน อันเนื่องมาจากเดือนที่แล้วป่วยจึงไม่ได้บินไปเกือบครึ่งเดือน เดือนนี้อุ๋มเลยบินเป็นยุงงง เลยเจ้าค่าาา เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตามมา คืออออ เวลาจะหาของกิน มันมีน้อย ไปช๊อปปิ้งซุปเปอร์มาเกตนั้นไม่ต้องถาม

ยิ่งชีวิตแอร์แบบอุ๋มเวลาบินกลับมาเหนื่อยๆ นี่นะ อย่าให้พูด!!! อยากกินนู่นนี่นั่น จากร้านนั้นร้านนี้ แต่ก็ขี้เกียจเดินทางอย่าบอกใคร ทั้งเบื่อรถติด เบื่ออากาศก็ร้อน ที่จอดรถไม่ต้องพูดถึง ระดับความหิว มาพร้อมกับระดับความโมโห แต่ปัญหานี้จะไม่เกิดด้วยการสั่งอาหาร Delivery มาทานแทนค่ะ บล๊อกนี้อุ๋มจึงอยากมาเล่าสู่กันฟังถึง ความง่ายของชีวิตในปัจจุบัน แม้เราจะทำงานไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลาค่ะ ...


Foodpanda.co.th คือ เว็บสั่งอาหารชื่อดังระดับโลก ที่มีสาขาทั้งหมดใน 41 ประเทศ ครอบคลุม 4 ทวีป รวมร้านอาหารทั่วโลกที่เป็นพันธมิตรกับ Foodpanda มีทั้งหมดมากกว่า 22,000 ร้าน มีทั้งร้านท้องถิ่น ร้านชื่อดัง อาหารไทย อาหารอีตาเลียน อาหารญี่ปุ่น ฯลฯ ถือว่าเป็นเวบไซต์สั่งอาหารที่มีความหลากหลายมาก ในประเทศไทยนั้น ได้เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2556


เว็บไซต์ Foodpanda.co.th นั้นให้บริการ สั่งอาหารทางโทรศัพท์ สั่ง Online ผ่านทางเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งสั่งผ่าน Application ทั้งบน iPhone และ Android ก็ทำได้เช่นกัน


ส่วนความหลากหลายของร้านอาหารนั้นไม่ต้องพูดถึงค่า เยอะมากกก เยอะเลือกไม่ถูก มีให้เลือกหมดทั้ง ไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่น อินเดีย ฯลฯ ไม่ได้มีแค่ Fastfood ด้วย เรียกได้ว่าสั่งทานกันได้ไม่ซ้ำเมนูเลย มันเด็ดดด!! 

มาเริ่มสั่งกันเถอะ หิวล้าว!!

ขั้นตอนการสั่งอาหาร กับ Foodpanda.co.th

1. เข้าไปที่เวบ www.foodpanda.co.th ใส่ชื่อ จังหวัด และ อำเภอ/เขต 
กดปุ่มเขียว Find Restaurant!


2. พอระบุปุ๊บบ ก็จะมีรายชื่อร้านอาหารที่ส่งในเขตพื้นที่อยู่อาศัยของเรา ขึ้นมาให้เลือกค่ะ แล้วยังเลือกเพิ่มได้อีกจากแทบ Filter ด้านข้าง ว่าต้องการสั่งอาหารประเภทไหน อาหารชาติไหน ชำระเงินแบบไหน ,,, และอีกหลายอย่างจากแทบด้านข้างเลยค่ะ


ในพื้นที่ที่อุ๋มอยู่ มีร้านอาหารให้เลือกสั่ง 27 ร้านค่ะ,,, ต้องบอกก่อนว่า ยิ่งกลางเมือง ความหลากหลายของร้านยิ่งมากค่ะ แต่พอดี๊ อยู่ชานเมือง เลยน้อยหน่อย เสียใจจุง T-T

3. ช่วงนี้อยากทานปลาดิบค่ะ เลยกดเลือก Filter เป็น อาหารญี่ปุ่น (Japanese) ซึ่งมีอยู่ 5 ร้าน ด้วยกัน

  
4. อุ๋มเลือกร้าน Bishamon Sapporo Ramen เพราะว่าอยากลองค่ะ :) คลิกเข้าไปดูเมนูของร้าน ที่ปุ่มเขียว “Preorder now” หรือ ถ้าในช่วงเวลาทำการของร้านจะเป็นคำว่า "Go to menu" ค่ะ


มีเมนูให้เลือกทานเยอะเหมือนกัน แทบด้านข้างมี ทั้ง Sashimi ทั้ง Sushi และ Salad รอดดดละสำหรับแอร์อ้วนแบบอิชั้น ,,, แต่ละเมนู มีชื่อ แต่ไม่มีรูป ค่ะสำหรับร้านนี้ เท่าที่ดูบางร้านมี บางร้านไม่มีอาจจะขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกร้านไหนด้วยค่ะ

ที่เก๋คือสามารถอ่าน Review และ Info ของร้านได้ด้วย จากแทบด้านบนค่ะ

 5. ว่าแล้วก็มาเลือกกันว่าอยากทานอะไร ง่ายนิดเดียวเพียงกดปุ่ม Add + รายการอาหารที่เลือกก็จะไปอยู่ที่ “Your order” ที่ฝั่งขวามือ มีบอกราคา ค่าจัดส่ง Vat ให้อย่างชัดเจน (ชอบมากค่ะ)

เมนูที่อุ๋มสั่งในวันนี้คือ


สำหรับค่าจัดส่งของร้านนี้นั้นอยู่ที่ 60 บาท ค่าบริการอีก 5 เปอร์เซ็นค่ะ แต่ไม่ต้องออกจากบ้าน ไม่ต้องแต่งตัว ไม่ต้องแต่งหน้า เก็บค่าน้ำมันในการเดินทางไปทานที่ร้านไว้ 

คือ ดีค่าาาาา คุ้มมากค่าาา

6. หลังจากเลือกเมนูเสร็จแล้วให้กด Proceed to checkout ในเวลาทำการ และ Preorder ในตอนที่ปิดทำการ เพื่อทำการสั่ง เริ่มต้นต้องกรอกรายละเอียด ที่อยู่การจัดส่ง ในขั้นตอนนี้ค่ะ


 วิธีการชำระเงิน สามารถเลือกได้ 3 แบบ (อันนี้ขึ้นอยู่กับร้านที่เราเลือกค่ะ) 



คือ ชำระผ่าน Paypal หรือ Online Payment จ่ายออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตจ่าย หรือ Cash On Delivery คือ เงินสดกับพนักงานที่มาส่ง ก็ได้ค่ะหลังจากนั้นกด Place order now เลยค่า

 7. หลังจาก Order เสร็จแล้วก็จะได้รับ อีเมล์ Confirmation


และ SMS เข้าโทรศัพท์มือถือ การจัดส่งอาหารจะจัดส่งภายใน 1 ชั่วโมง


ติ๊ก ต่อก ติ๊ก ต่อกก

เวลาผ่านไป 1 ชม. นิดหน่อย ก็มีสายจากพี่เจ้าหน้าที่ผู้ส่งอาหารค่า

  
และ ภายในพริบตาอาหารที่สั่งกับ Foodpanda.co.th จากร้าน  Bishamon Sapporo Ramen 
ก็มาส่งโดยมอเตอไซต์ ถึงหน้าบ้านเลยค่ะ

แกะกล่องกันเถิดด ข้าหิววว


 กรี๊ดดดดดดดด คือ น่าทานมากก ต้องบอกตามตรงว่าไม่เคยไปทานที่ร้านนี้มาก่อนเลยไม่สามารถบอกได้ว่ารสชาติแตกต่างกับที่ ร้าน หรือไม่ อย่างไร แต่อาหารที่ได้รับมานั้นอยู่ในสภาพที่ถือว่าดีเลยค่ะ สดใหม่ ถึงมือ อร่อยฟิน อิ่ม เปรม :) ไม่ได้โม้ คือ อร่อยจริงๆ ฮะ!!


 ต้องขอชมว่า ทุกอย่างบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่ ดูสะอาด ปลอดภัย และไม่หกเลอะเทอะ เลยซักชิ้น

โอเค ทานต่อกันเถอะ!!! ขอจบการบรรยายมา ณ ที่นี้

ถ้าใครสนใจ อ่านบล๊อกอุ๋มไป ท้องร้องจ๊อกๆ ไป แต่มีความขี้เกียจอยู่สูงแบบอุ๋มละก็ ขอเชิญที่


หรือโหลดแอพกันเลย ได้ที่นี่ : 


ความรู้สึกหลังการสั่งอาหารกับ FOODPANDA อุ๋มขอบอกตามตรง ปลื้มม ขอให้มีร้านเพิ่มอีกใน Area ที่อยู่ คือบ้านไกลไง คือความขี้เกียจนี่มีเยอะอยู่แล้ว ถ้าเพิ่มร้านมา ยังไงก็สั่งอีกแน่นอนค่า แอพนี่มีติดมือถือแล้วเลยนะ ชอบบมาก ชอบความสะดวก ชอบหาอาหารทานแบบง่ายๆ ส่งถึงมือแบบนี้ บินลงมานี่อยากให้มีอาหารมารอพร้อม แบบถึงบ้านพร้อมอาหารงี๊ มันดี๊ดี

นอนมาร์ส หน้าอยู่บ้านแล้วหาสั่งอะไรมากินดีฟ่าา คริคริ 

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงจุดนี้ ขอความหิวจงสถิตย์อยู่กับท่านนเช่นเดียวกันนะคะ แฮ่ ไปแล้วน้า เจอกันบล๊อกหน้าค่ะ สวัสดีค่ะ <3

3.07.2015

[UPDATE] M.A.C Toledo Collection

สวัสดีค่า วันนี้อุ๋มขอมา Preview และ Review คอลเลคชั่นใหม่จาก M.A.C. ค่า 
ได้มา 3 ชิ้น ชอบมากจริงๆ เลยอยากมาโชว์ อิอิ ขอบ้าเห่อซักเล็กน้อย 

ก่อนอื่น ขอเกริ่นนำถึงคอลเลคชั่นนี้ก่อนเลยค่ะ


 


คู่รักสุดโรแมนติคในวงการแฟชั่น Isabel and Ruben Toledo การันตีชื่อเสียงจากรางวัลต่างๆและผลงานการออกแบบสุดสร้างสรรค์ในด้านแฟชั่น ดีไชน์และการวาดภาพประกอบ พบกับคอลเลคชั่นครั้งพิเศษสุดยูนีคที่ร่วมออกแบบกับ M.A.C เป็นการใช้เหล่าโทนสีที่มีเสน่ห์จากการจินตนาการของ Isabel รวมเข้ากับภาพวาดของ Ruben ที่เต็มไปด้วยพลังของสีสันอันสดใสกับลายเส้นที่เพ้นท์เป็นรูปหน้าบนแพกเกจ จิ้งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความคิดของ “ความงามในแบบศิลปะ” จากลายเส้นกราฟฟิคของรูปใบหน้าลิปสีแดงบ่งบอกถึงความงามในการออกแบบที่ให้จินตนาการความสนุกไม่รู้จบ


 

 อุ๋มขอรีวิว 3 สิ่งที่อุ๋มมีก่อน และ ของใน Wishlist ของอุ๋ม คริคริ


 น่ารักไหมละคะ อุ๋มชอบมาก ชอบดีไซน์ ชอบสี ชอบทุกอย่างเลยยย 


Isabel and Ruben Toledo Blush Ombre ตัวนี้ คือ ที่สุดด สีสวยมากกกค่ะ อันนี้สี Ripe Peach เป็นบลัชออนที่ตอบโจทย์อุ๋มจริงๆ เพราะไม่ต้องพกหลายอัน แต่งได้สำหรับหลายลุคเมคอัพ สีที่ไล่เฉดจากเข้มถึงสว่าง ชมพู-ส้ม ทำให้แต่งหน้าได้สนุกมากๆๆ  มาในแพคเกจสีขาวเนื้อแมทท์ ลาดลายกราฟฟิกในแบบเฉพาะของ Ruben ที่สำคัญ Limited นะคะ สีนี้หมดแล้ว!!! แต่ยังเหลืออีก 2 สีให้ช๊อป ดูออนไลน์หรือที่เคาท์เตอร์ได้เลยนะคะ (ุถ้ายังไม่หมดดดซะก่อน!!)

ขนาด 9 g / .32 US oz
ราคา 1,440 บาท
 
 

คาดการณ์ไว้แล้วว่าจะถอย บรัชออนเพิ่มค่ะ เพราะว่าชอบบบบจริงๆ ชอบการเล่นสี ของ Blush Ombre และ Texture ของตัวบรัชออน ทาแล้วสีติดทนชัด ไม่เข้มจนเกินไป ปัดแล้วดูสุขภาพดีมากๆ ค่ะ


 Isabel and Ruben Toledo Lipstick คอลเลคชั่นนี้ออกมาเป็น ลิปสติกโทนสีแดง สีคลาสสิคอมตะ ที่ทาได้ทุกยุคทุกสมัย เพิ่มความทันสมัยด้วยเนื้อที่แมทท์ และแน่นอนว่าตัวแท่งมาในลายกราฟฟิกแบบเฉพาะของ Ruben เช่นกันค่า ของอุ๋มสี Tenor Voice (True Classic Red) ที่ทาในรูปนั้นทาทับลิปกลอสสีนู้ดค่ะ เพราะอุ๋มไม่สามารถทาลิปเน้อแมทท์เฉยๆ บนเครื่องได้ ปากจะลอกกก ออกมาเป็นแผ่นๆๆ เลยล่ะ :(

ขนาด 3 g / 0.1 US oz  
ราคา 920.00 บาท


สีอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ สวยทุกสีเลยและทุกสีเป็นเนื้อแมทท์ค่ะ


 ชิ้นสุดท้ายคือ Isabel and Ruben Toledo Tinted Lipglass ลิปกลอสเนื้อสัมผัสแวววาว นุ่มเบา เกลี่ยง่ายและให้สีชัดติดทน พร้อมการบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่นด้วยส่วนผสมของโจโจ้บาออย อุ๋มชอบกลอสสีโทนนู้ดค่ะ เพราะทาง่าย และทาลิปสติกสีอะไรทับ หรือแมชช์กับสีอะไรก็ได้ เลยเลือกสี Oxblood มาเลย ง๊ายง่ายดี โทนอื่นของคอลเลคชั่นนี้ จะเป็นสีสดโทนสีส้มแดง เช่นเดียวกับลิปสติกค่า

ขนาด 4.8 g / 0.17 oz  
ราคา 920.00 บาท


 ถ้าชอบ Lipglass ของ M.A.C อยู่แล้ว คอลเลคชั่นนี้ก็มีหลายสีที่น่าสนใจให้เลือกค่ะ

 ทั้ง 3 สิ่งนี้ ช๊อปออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่


มาดู WishList ของอุ๋มดีกว่า :)

ด้วยส่วนตัวอุ๋มชอบ Eye Shadow ของ M.A.C อยู่แล้วค่ะ จึงอยากโดน Isabel and Ruben Toledo Eye Shadow x 6 โทนสีเขียวน้ำตาล สี BellGreen อันซ้ายสุด มากกกก เพราะ รวมกันมาถึง 6 เฉดสี หลาย Texture ในตลับเดียวด้วย กรี๊ดดดด หน้าเอามาแต่งลุคเมคอัพ โทนสีธรรมชาติหรือเอิร์ทโทน สวยลงตัวจริงจริงงง


คอลเลคชั่นนี้เน้นสีสันจริงๆ ค่ะ ตัว Intense Eye Liner และ Modern Twist Lash ก็มาในสีสันเจิดจ้าสุดๆๆ อันนี้อุ๋มคงแต่งไปทำงานไม่ได้แน่ แต่ถ้าปาร์ตี้ละไม่แน่ค่ะ :)


ชื่นชอบคอลเลคชั่นนี้ก็ต้องรีบช๊อปกันนะคะ อุ๋มละปลื้มมม ผู้ออกแบบ 2 คนนี้จริงๆๆ M.A.C คอลเลคชั่นนี้ก็ขอเก็บเป็นอีก 1 Limited Edition ที่ชอบค่ะ

3.01.2015

[TRAVEL] ไปเที่ยว Ishiya Chocolate Factory @ Hokkaido กัน

บล๊อกนี้ อุ๋มอุ๋ม PannitaP ขอพาไป ISHIYA CHOCOLATE FACTORY  ณ Hokkaido คับผมม


ขอเกริ่นนำซักเล็กน้อยถึงไฟล์ทบิน ไฟล์ทนี้ของการบินไทย การเดินทางไปเกาะฮอกไกโดนั้น มีไฟลทไปลงที่สนามบิน CTS หรือ New Chitose Airport วันละ 1 ไฟล์ท คือ TG670 BKK-CTS และ ขากลับเข้าไทย TG671 CTS-BKK ซึ่งเป็นไฟล์ทที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ที่เดินทางไปพร้อมกับความตื่นเต้น และกลับมาพร้อมกับขนมมมมมมมม เพราะ เมืองนี้ขนมเริ่ดๆๆ เช่น พวกชีสเค้กทั้งหลาย ขนมญี่ปุ่นเนื้อนุ่มนม หอมหวานมัน และอื่นๆ อีกมากมายยย กรี๊ด น้ำลายไหล ,,, ทำไมมีแต่ของกิน


บล๊อกนี้อุ๋มเลยพาไปเที่ยวโรงงานช๊อกโกแล๊ตชื่อดังของเมืองนี้กัน

Ishiya Chocolate Factory หรือ Shiroi Koibito Park by Ishiya เป็นโรงงานช๊อคโกแลตที่ผลิตเจ้าช๊อกโกแลตหน้าตาคุ้นเคย ชิ้นนี้ที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นของฝากที่ต้องซื้อกันเป็นประจำจากเมืองนี้ค่ะ


เจ้าขนมที่ทำขึ้นมาจาก บิสกิตรสเนย 2 ชิ้นประกบกัน โดยที่ไส้ตรงกลางเป็น ไวท์ช๊อกโกแลต ที่มีรสชาติเริ่ดดนี่ล่ะค่ะ

เริ่มต้นด้วย วิธีการเดินทาง ไปโรงงานนี้กันเลย



ปกติเวลาจะไปไหนอุ๋มจะมาตั้งต้นที่ Sapporo Station ค่ะ ครั้งนี้เลือกเดินทางด้วยรถไฟสาย Tozai Subway ไปที่ Miyanosawa Station โดยใช้เวลาเดินทางจากสถานีประมาณ 7 นาที โดยการเดิน ในช่วงหน้าหนาวนี้ การเดินทางไป จะมีหิมะปกคลุมตลอดทางค่ะ 


โรงงานช๊อคโกแลต เปิดทำการ เวลา 9.00 - 18.00
โดยสามารถซื๋อตั๋วเข้าได้ไม่เกิน 17.00 แต่เดินชมได้จนถึง 18.00 ค่า

ค่าเข้า :

 ไปกัน 2 คน โดนไป 1,200 เยน ค่า ได้บัตรเข้าชม แผนที่ และ ขนม 1 ชิ้น :) อร่อยอย่าบอกใคร และยิ่งได้ทานตอนอากาศเย็นๆ คือ ไส้ไวท์ช๊อกโกแลตตรงกลางนี่กรอบบบบบ หวาน ชื่อใจ กับบิสกิตที่เค็มนิดๆ อร่อยจุง ฟิน!!


 นี่เป็นแผนที่ส่วนต่างๆ ของโรงงานค่ะ

1. Ticket Counter คือ ส่วนที่อุ๋มซื๋อตั๋วค่าเข้าค่ะ


2. Aurora Fountain น้ำพุกลางห้องที่สร้างขึ้นโดย England's Royal Doulton Company เมื่อช่วงปี คศ. 1870


3. Chocolate Cup Collection มีส่วนของตู้โชว์ของสะสมหรูหรา อันนี้น่าจะเป็นของเจ้าของโรงงานนะคะ มีของสะสมหลายแบบตั้งโชว์ในตู้ สวยงาม อลังการ
4. Chocotime Tunnel เดินทางย้อนเวลาไปดูโรงงานช๊อกโกแลตของอังกฤษ ในสมัยศตวรรษที่ 19 กัน ระหว่างเดินผ่านอุโมงค์นี้ค่ะ
5. Shiroi Koibito Cookie Production Line มาดูวิธีการผลิตเจ้าคุกกี้แผ่นบางไส้ไวท์ช๊อกโกแลตชิ้นนี้กันตามทางเดินเส้นนี้ค่ะ โชว์ให้ดูวิธีการทำกันไปเลย

6. Cookiecraft Studio ผู้เข้าชมทุกคนสามารถลงมือทำคุกกี้ของตัวเองได้ ตามแบบ และดีไซน์ที่ตัวเองชอบเลยค่ะ อันนี้รู้สึกต้องเสียค่าทำ และมีเป็นรอบ ซึ่งอุ๋มไม่ได้ลองทำแหละ
7. Chocolate Lounge ชั้นบนของตึก ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ทั้งบริเวณล้อมรอบด้วยกระจก สามารถมองเห็นวิวรอบๆ โรงงานช๊อกโกแลตได้ค่ะ

8. Gramophone Gallery ห้องโชว์เครื่องเล่นแผ่นเสียง และของสะสมต่างๆ อีกเช่นเคยค่ะ

 ส่วนขนมที่เป็นที่แนะนำเลย ก็ตามนี้เลยนะคะ :)  

แน่นอนว่าอย่างแรกคือ SHIORI KOIBITO (Highlight ของที่นี่!!)

การผสานรวมกันระหว่งคุ๊กกี้ Langue de chat และไวท์ช็อคโกแลต
 
ขนมอบ Langue de chat  สีขาวที่มีรอยไหม้สีน้ำตาลรอบ ๆ จากอุณหภูมิของเตาอบที่เหมาะสม ทำให้ได้รอยไหม้สีน้ำตาลกำลังดีของขนมอบนี้ ให้รสชาติอ่อน ๆ ละลายในปาก เนยที่ทำให้นุ่มลงและนวดเคล้าในอุณหภูมิห้อง ผสมกับน้ำตาลในปริมาณที่เท่ากัน เติมด้วยแป้งสาลี ไข่ขาว กลิ่นวานิลา เพื่อทำเป็นเนื้อคุ๊กกี้ และอบในเตาอบ โดยที่มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ เรียวยาว จึงมีรสชาติที่กรอบ และอร่อย 

ตัวไส้ไวท์ช็อคโกแลต ซึ่งเป็นช็อคโกแลตสูตรเฉพาะที่คิดค้นขึ้นสำหรับ Shiroi Koibito โดยเฉพาะ ที่ถูกประกบด้วยขนมอบ Langue de chat ร้อน ๆ ทำให้เกิดรสชาติที่ลงตัว 

เชื่อเถอะ อุ๋มซื้อทุกครั้ง ดูพุงซะก่อน /me ชี้พุงตัวเอง!!

ราคา อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าซื้อกี่ชิ้น และแพคเกจแบบไหนค่ะ ส่วนมากอุ๋มซื้อกล่อง 
แบบ 12 ชิ้น ราคา ¥761 (incl. tax)

 SHIORI KOIBITO SOFT ICE CREAM

 

ความหนาวข้างนอกยังไม่สะใจพอ เพราะต้องหนาวต่อกันด้วย ไอศกรีม Soft Serve ตัวนี้ที่ทำจาก ไวท์ช๊อกโกแลตรสเดียวกับ Shiroi Koibito ผสมกับนม รวมกันเป็นไอติม หวานกำลังดี กรี๊ดดดด วันนั้นจัดไปคนละโคนครับบบ ฮ่าๆๆๆๆ ความอ้วนคืออะไร? ความหนาวคืออะไร? ลืมตัวไปเลย ราคาก็ ¥308(incl. tax) จัดไปอย่าให้เสีย คาดว่าคงไม่มีใครพลาดฮับ

MIFUYU

เพื่อดึงเอารสชาติแห่งความอร่อยล้ำของช็อคโกแลตออกมา 

Mifuyu นำเอารสชาติความอร่อยและรสสัมผัสอันโดดเด่นของช็อคโกแลตทั้ง 3 ชนิดมาผสานรวมกัน
สำหรับ “แบล็คช็อคโกแลต” กับ ”บลูเบอรี่”, กับ “ช็อคโกแลตนม” กับ “คาราเมล”, “ไวท์ช็อคโกแลต” กับ“เกาลัดหวาน” แต่ละคู่เกิดจากการทดลองผสมผสานกันกว่าหลายสิบครั้งจนก่อเกิดความลงตัว อร่อยทุกครั้งที่ได้ทาน กรุบกรุบกรุบบ


Mifuyu มีทั้งแบบบรรจุซอง 3 ชิ้น 6 ชิ้น และ 12 ชิ้น เป็น Full Course ที่อัดแน่นด้วยรสชาติความอร่อยทั้ง 3 แบบ กินแบบไหนก่อนดี? นี่ตามเว็บเลยให้ลองแบบนี้ก้ะ

1. ก่อนอื่น เริ่มจาก “ไวท์ช็อคโกแลต” กับ “เกาลัดหวาน” ที่มีรสละมุนที่สุด
2. ตามด้วย “แบล็คช็อคโกแล็ต” กับ “บลูเบอรี่” ที่มีรสขมเล็กน้อยกับรสเปรี้ยว
3. จบที่ “ช็อคโกแลตนม” กับ “คาราเมล”

ครั้งหน้าขอพาเที่ยว Osaka บ้าง ครั้งนี้นี่มาแนะนำขนมล้วนๆ เลยนะคะ ฮ่าๆๆ คือ ช๊อบชอบอ่าา ไปทุกทีกินทุกที จริงๆ ที่โรงงานชอคโกแลต ISHIYA และที่สนามบิน CTS มีอีกหลายอย่างให้ช๊อปมากกกก คือ อัพได้อีก 10 บล๊อก อุ๋มจะค่อยๆ อัพไปเรื่อยๆ นะคะ ใครไปเที่ยวไหนก็มาแชร์กันบ้างน้าา :)